
ฉีดไขมันหน้า อันตรายไหม
สวัสดีครับวันนี้หมอจะมาอธิบายเกี่ยวกับฉีดไขมันหน้า อันตรายไหมและข้อดีข้อเสียของหัตถการนี้ให้ทุกท่านได้ทราบกันครับ หลายๆคนอาจกำลังสงสัยว่าการฉีดไขมันที่หน้าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยหรือไม่และจะมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง บางคนอาจเคยได้ยินว่าการฉีดไขมันช่วยให้ใบหน้าดูเด็กลง ผิวดูอิ่มฟูขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็อาจกังวลเรื่องความปลอดภัย ผลข้างเคียง หรือความคงทนของไขมันที่ฉีดเข้าไป
ในปัจจุบันการฉีดไขมันหน้าได้รับความนิยมมากขึ้นเนื่องจากเป็นทางเลือกที่เป็นธรรมชาติ ใช้ไขมันจากร่างกายของเราเองแทนการใช้สารเติมเต็มแบบสังเคราะห์เช่นฟิลเลอร์ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการแพ้สารแปลกปลอม อย่างไรก็ตามหลายคนอาจยังไม่แน่ใจว่ากระบวนการนี้ปลอดภัยจริงหรือไม่และผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร วันนี้หมอจะพาทุกท่านมาเจาะลึกข้อมูลแบบละเอียดเพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจมากขึ้นครับ
เราจะมาดูกันว่าการฉีดไขมันหน้ามีข้อดีอย่างไรและมีข้อเสียอะไรที่ควรระวัง รวมถึงอธิบายถึงกระบวนการทำหัตถการนี้ว่าต้องผ่านขั้นตอนอะไรบ้างและควรดูแลตัวเองอย่างไรหลังทำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดครับไปดูกันเลยครับ!
เติมไขมันหน้าคืออะไร?
การฉีดไขมันหน้า (Fat Grafting หรือ Fat Transfer) เป็นเทคนิคที่นำไขมันจากส่วนอื่นของร่างกายเช่น หน้าท้อง ต้นขา หรือสะโพก มาผ่านกระบวนการคัดแยกให้ได้ไขมันที่บริสุทธิ์ ก่อนจะฉีดกลับเข้าไปเติมเต็มในบริเวณใบหน้าที่มีปัญหาขาดวอลลุ่มเช่นร่องแก้ม ขมับ ใต้ตา หรือแม้แต่ทั้งใบหน้า เพื่อช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และมีมิติขึ้นครับ
วิธีนี้เป็นที่นิยมเพราะใช้ไขมันจากร่างกายของเราเอง ลดความเสี่ยงจากการแพ้สารแปลกปลอม แถมยังช่วยฟื้นฟูคุณภาพผิวด้วย Growth Factors ที่อยู่ในไขมันทำให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้นอีกด้วยครับ อีกหนึ่งข้อดีของการฉีดไขมันหน้าคือสามารถให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไขมันที่ฉีดเข้าไปสามารถอยู่ได้นานหากได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ไขมันยังช่วยปรับสมดุลของใบหน้า ทำให้ดูสมส่วนขึ้น
ในบางกรณีการฉีดไขมันหน้ายังถูกนำมาใช้ร่วมกับการยกกระชับผิวหน้าหรือการทำศัลยกรรมอื่นๆ เช่น การเสริมจมูกหรือทำตาสองชั้นเพื่อให้ใบหน้าดูมีมิติและกลมกลืนมากขึ้น อย่างไรก็ตามการฉีดไขมันหน้าไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของความงามแต่ยังสามารถช่วยแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่มีใบหน้าตอบ ใบหน้าดูโทรม หรือผู้ที่สูญเสียไขมันใบหน้าจากอายุที่เพิ่มขึ้นได้อีกด้วย เทคนิคนี้ยังสามารถใช้ในกรณีที่มีรอยแผลเป็นจากอุบัติเหตุหรือศัลยกรรมเพื่อช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
บทความน่ารู้ เติมไขมันหน้า คืออะไร ฉีดแล้วเป็นยังไง รู้ก่อนเติมไขมันหน้าเด็ก
เติมไขมันหน้าดีไหม? มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร?
ข้อดีของการฉีดไขมันหน้า
- ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ – การใช้ไขมันจากร่างกายของตัวเองช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นธรรมชาติมากที่สุด ผิวจะดูเรียบเนียน ไม่เป็นก้อนแข็งเหมือนฟิลเลอร์ที่เป็นสารเติมเต็มสังเคราะห์ นอกจากนี้ไขมันยังสามารถกระจายตัวอย่างเป็นธรรมชาติในชั้นผิว ช่วยให้ใบหน้าดูมีมิติและอ่อนเยาว์มากขึ้น
- ไม่มีสารแปลกปลอม – เนื่องจากใช้ไขมันของตัวเองทำให้ไม่เกิดปฏิกิริยาต่อต้านหรืออาการแพ้เหมือนกับการใช้ฟิลเลอร์สังเคราะห์ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะไม่มองว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนเช่นอักเสบหรือเป็นก้อนแข็ง ซึ่งเป็นข้อดีที่ทำให้การฉีดไขมันเป็นที่นิยมในปัจจุบัน
- ช่วยฟื้นฟูผิว – ในไขมันมี Growth Factors ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินซึ่งช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่ง อ่อนเยาว์ขึ้น ไม่เพียงแค่เติมเต็มใบหน้าเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและดูสุขภาพดีขึ้นด้วย กระบวนการนี้ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นในระยะยาวและช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็กๆบนใบหน้า
- อยู่ได้นาน – เมื่อไขมันที่ฉีดเข้าไปติดอยู่ในร่างกายแล้วจะสามารถอยู่ได้นานกว่าฟิลเลอร์ที่ต้องฉีดซ้ำทุก 6-12 เดือน เนื่องจากเป็นเซลล์ไขมันจริงที่สามารถเชื่อมต่อกับเนื้อเยื่อเดิมของร่างกายได้ หากดูแลตัวเองดีไขมันสามารถอยู่ได้นานหลายปีและในบางกรณีอาจถาวรเลยทีเดียว
- ช่วยปรับสมดุลของใบหน้า – การฉีดไขมันช่วยแก้ปัญหาสัดส่วนของใบหน้าที่ไม่สมดุลเช่น หน้าตอบ ขมับเว้า หรือร่องแก้มลึก การเติมไขมันช่วยให้ใบหน้าดูละมุนและได้รูปมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ดูเด็กลงโดยไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัดศัลยกรรม
ข้อเสียของการฉีดไขมันหน้า
- ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว – หลังจากฉีดไขมันอาจมีอาการบวม ช้ำ และรู้สึกตึงบริเวณที่ฉีด โดยปกติอาการเหล่านี้จะค่อยๆ ลดลงในช่วง 7-14 วัน บางรายอาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ก่อนที่อาการบวมจะหายสนิท ดังนั้นผู้ที่ต้องการทำหัตถการนี้ควรมีเวลาพักฟื้นเพียงพอ ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ทันที
- ผลลัพธ์อาจไม่ถาวร 100% – ไขมันที่ฉีดเข้าไปอาจถูกดูดซึมบางส่วนโดยร่างกาย ทำให้ปริมาณไขมันที่เหลืออยู่หลังจากผ่านไป 3-6 เดือนอาจลดลง โดยทั่วไปแพทย์จะแนะนำให้ทำการฉีดเติมไขมันเพิ่มเติมในบางกรณีเพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้นและได้รูปหน้าที่สมบูรณ์ที่สุด
- ต้องใช้แพทย์ที่มีประสบการณ์ – การฉีดไขมันหน้าเป็นหัตถการที่ต้องใช้เทคนิคสูงมาก หากแพทย์ไม่มีความชำนาญพออาจทำให้ไขมันกระจายตัวไม่สม่ำเสมอ ส่งผลให้ใบหน้าดูไม่สมดุล หรือเกิดปัญหาเป็นก้อนในบางจุด การเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และมีเทคนิคที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้
- มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าฟิลเลอร์บางประเภท – กระบวนการฉีดไขมันต้องผ่านหลายขั้นตอนตั้งแต่การดูดไขมัน คัดแยก และฉีดกลับเข้าไปในใบหน้า ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการฉีดฟิลเลอร์ทั่วไปและอาจต้องทำหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดซึ่งอาจไม่เหมาะกับทุกคน
ฉีดไขมันหน้าตรงไหนได้บ้าง?
- บริเวณหน้าผาก – การฉีดไขมันหน้าผากเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าผากแบน หน้าผากตัด ซึ่งทำให้ใบหน้าดูแข็งและไม่มีมิติ การเติมไขมันในบริเวณนี้ช่วยให้หน้าผากดูโหนกนูนขึ้น สร้างส่วนโค้งเว้าที่ดูมิมิติสวยงามอีกทั้งยังช่วยลดริ้วรอยลึกและรอยย่นบนหน้าผากได้อีกด้วย
- บริเวณขมับ – ผู้ที่มีปัญหาขมับบุ๋ม ขมับยุบ หรือขมับตอบมักจะทำให้ใบหน้าดูแข็งและทำให้โหนกแก้มดูเด่นเกินไป การฉีดไขมันขมับช่วยทำให้โครงหน้าดูนุ่มนวลขึ้น ใบหน้าดูหวานละมุน ลดความแข็งของโหนกแก้มและทำให้ใบหน้ามีความสมดุลมากขึ้น
- บริเวณใต้ตา – ปัญหาร่องใต้ตาลึก ใต้ตาคล้ำ หรือริ้วรอยเล็กๆใต้ตาทำให้ใบหน้าดูโทรมและมีอายุมากกว่าที่ควร การฉีดไขมันใต้ตาจะช่วยเติมเต็มให้ร่องใต้ตาตื้นขึ้น ปรับสีผิวใต้ตาที่คล้ำให้สว่างขึ้นทำให้ใบหน้าดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น
- บริเวณร่องแก้ม – ร่องแก้มลึกตามแนวปีกจมูกถึงมุมปากเป็นสัญญาณของวัยที่เพิ่มขึ้น หรือเกิดจากการแสดงสีหน้าบ่อยๆทำให้เกิดรอยลึกถาวร การเติมไขมันบริเวณนี้ช่วยลดความลึกของร่องแก้ม ทำให้ใบหน้าดูเด็กลงโดยไม่ต้องพึ่งการศัลยกรรมที่ซับซ้อน
- บริเวณแก้ม – ปัญหาแก้มตอบทำให้ใบหน้าดูโทรมและแก่กว่าวัย การฉีดไขมันแก้มช่วยเติมเต็มให้ใบหน้าดูอิ่มฟูและดูเด็กขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้โครงหน้าดูละมุนมากขึ้น
- บริเวณเปลือกตา – ผู้ที่มีเบ้าตาลึกหรือเปลือกตายุบลงจนทำให้ดูโทรมและมีอายุ สามารถฉีดไขมันเพื่อเติมเต็มบริเวณเปลือกตา ทำให้ดวงตาดูสดใสและใบหน้าดูอ่อนกว่าวัยมากขึ้น
ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีดไขมันที่หน้า?
- ผู้ที่มีใบหน้าตอบ หรือขาดวอลลุ่มในบางจุด – คนที่มีใบหน้าตอบเช่นขมับเว้า ร่องแก้มลึก หรือแก้มตอบ อาจทำให้ดูโทรมและแก่กว่าวัย การฉีดไขมันสามารถช่วยเติมเต็มในจุดที่พร่อง ช่วยให้ใบหน้าดูอิ่มฟูและช่วยให้โครงหน้าดูละมุนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- ผู้ที่ต้องการแก้ไขริ้วรอยและความหย่อนคล้อยของผิว – เมื่ออายุมากขึ้น ผิวจะสูญเสียคอลลาเจนและไขมันตามธรรมชาติทำให้เกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย การฉีดไขมันสามารถช่วยเติมเต็มบริเวณที่มีริ้วรอยลึก เช่น หน้าผาก ใต้ตา และร่องแก้มช่วยให้ใบหน้าดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น
- ผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาหน้าผากแบน หรือขมับตอบ – บางคนอาจมีโครงหน้าที่หน้าผากแบนหรือขมับบุ๋มทำให้โครงหน้าดูแข็งและไม่มีมิติ การฉีดไขมันช่วยให้หน้าผากดูโหนกนูนขึ้น และช่วยทำให้โครงหน้าดูสมดุลและกลมกลืนมากขึ้น
- ผู้ที่ต้องการปรับโหงวเฮ้งให้ดีขึ้น – ตามศาสตร์โหงวเฮ้งของบางวัฒนธรรม เชื่อว่าหน้าผากโหนกนูน ขมับเต็ม และโครงหน้าที่สมดุล สามารถช่วยเสริมดวงด้านการเงินและการงานได้ การฉีดไขมันสามารถช่วยแก้ไขรูปหน้าให้เหมาะสมกับโหงวเฮ้งที่ดีขึ้น
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูสุขภาพดีขึ้น – ไขมันที่ฉีดเข้าไปมี Growth Factors ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูผิว ผิวจะดูชุ่มชื้น มีความยืดหยุ่นและเปล่งปลั่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็กๆที่อาจเกิดขึ้นตามวัย
- ผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงสารสังเคราะห์ – บางคนอาจไม่ต้องการใช้ฟิลเลอร์ที่เป็นสารเติมเต็มสังเคราะห์ หรือกลัวปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายต่อสารเหล่านั้น การฉีดไขมันจึงเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่า เพราะใช้เซลล์ไขมันของตัวเองลดโอกาสแพ้และปฏิกิริยาต่อต้านของร่างกาย
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่อยู่ได้นาน – ฟิลเลอร์บางประเภทอาจต้องฉีดซ้ำทุก 6-12 เดือน ในขณะที่ไขมันที่ฉีดเข้าไป หากติดอยู่ในร่างกายแล้วสามารถอยู่ได้นานหลายปีการฉีดไขมันจึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานขึ้น
- ผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาใต้ตาคล้ำและเบ้าตาลึก – คนที่มีใต้ตาลึกหรือคล้ำอาจทำให้ดูเหนื่อยล้าและแก่กว่าวัย การฉีดไขมันสามารถช่วยเติมเต็มร่องใต้ตาและช่วยให้สีผิวใต้ตาดูสว่างขึ้น ทำให้ใบหน้าดูสดใสและมีชีวิตชีวามากขึ้น
เติมไขมันหน้าอันตรายไหม?
การเติมไขมันหน้าเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูงหากทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์และใช้เทคนิคที่ถูกต้อง ข้อดีของการใช้ไขมันตัวเองคือไม่มีสารแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย ลดความเสี่ยงจากอาการแพ้หรือปฏิกิริยาต่อต้าน อย่างไรก็ตามกระบวนการนี้ต้องดำเนินการอย่างถูกต้อง ตั้งแต่การดูดไขมัน คัดแยกไขมันที่มีคุณภาพ ไปจนถึงการฉีดไขมันเข้าไปในชั้นผิวที่เหมาะสม หากทำโดยแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญอาจเกิดปัญหาต่างๆได้เช่นไขมันจับตัวเป็นก้อน ในกรณีที่ร้ายแรงอาจเกิดภาวะไขมันอุดตันในเส้นเลือดซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายได้ครับ
แม้ว่าการเติมไขมันหน้าจะเป็นวิธีที่ปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติแต่ก็ยังมีข้อควรระวังที่ต้องพิจารณาอยู่บ้างครับ ไขมันที่ฉีดเข้าไปอาจมีบางส่วนถูกดูดซึมและสลายไปตามธรรมชาติทำให้บางคนต้องเติมไขมันเพิ่มเติมภายหลังเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อีกทั้งการดูแลตัวเองหลังทำก็มีผลต่อความคงทนของไขมันเช่นการหลีกเลี่ยงการกดทับใบหน้า หลีกเลี่ยงความร้อนจัดเช่นซาวน่าหรือแสงแดดแรงๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อการอยู่รอดของเซลล์ไขมัน นอกจากนี้การดื่มน้ำให้เพียงพอและปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด ก็จะช่วยให้ไขมันติดทนและได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นครับ ดังนั้นหากเลือกทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างถูกต้อง การเติมไขมันหน้าก็เป็นหัตถการที่ปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติได้แน่นอนครับ
ฉีดไขมันที่หน้าดูเป็นธรรมชาติจริงไหม?
หลายคนที่สนใจการฉีดไขมันหน้าอาจมีคำถามว่าผลลัพธ์ที่ได้จะดูเป็นธรรมชาติจริงหรือไม่? คำตอบคือ ดูเป็นธรรมชาติได้แน่นอนหากทำโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและเลือกใช้เทคนิคที่ถูกต้อง ไขมันที่ฉีดเข้าไปเป็นเซลล์จากร่างกายของเราเองทำให้สามารถรวมตัวเข้ากับเนื้อเยื่อเดิมได้ดี เมื่อฉีดอย่างถูกต้องและกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ ใบหน้าจะดูอิ่มฟูขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งทื่อหรือผิดรูปเหมือนบางกรณีของสารเติมเต็มสังเคราะห์ อีกทั้งยังช่วยให้สีผิวและพื้นผิวของใบหน้าดูสม่ำเสมอเนื่องจากไม่มีการสะท้อนแสงเหมือนสารเติมเต็มประเภทอื่นที่บางครั้งทำให้หน้าดูเป็นเงาหรือเป็นคลื่นครับ
อย่างไรก็ตามการได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยครับ ไม่เพียงแต่ทักษะของแพทย์เท่านั้นแต่ยังรวมถึงการดูแลหลังฉีดไขมันด้วย หลังจากฉีดไขมันอาจมีการดูดซึมบางส่วนโดยร่างกาย ซึ่งเป็นกระบวนการปกติ
ฉีดไขมันที่หน้าแล้วเป็นก้อนเกิดจากอะไร?
การฉีดไขมันที่หน้าแล้วเกิดเป็นก้อนเป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้ หากกระบวนการฉีดไขมันไม่ได้ดำเนินการอย่างถูกต้องครับ สาเหตุหลักๆมาจากการฉีดไขมันในปริมาณที่มากเกินไปในบริเวณเดียวหรือฉีดไขมันเข้าไปในชั้นผิวที่ไม่เหมาะสม เมื่อไขมันถูกฉีดเข้าไปมากเกินไปในพื้นที่จำกัด ร่างกายอาจไม่สามารถสร้างเส้นเลือดมาเลี้ยงไขมันใหม่ได้ทัน ทำให้เซลล์ไขมันบางส่วนขาดออกซิเจนและตายไป ส่งผลให้เกิดการจับตัวเป็นก้อนแข็งขึ้นได้
อีกสาเหตุหนึ่งที่พบได้บ่อยคือกระบวนการคัดแยกไขมันที่ไม่สมบูรณ์ หากไขมันที่นำมาใช้มีเนื้อเยื่อที่ตายแล้วปะปนอยู่มากหรือไม่ได้ผ่านการคัดกรองที่เหมาะสม ไขมันเหล่านั้นอาจไม่สามารถฝังตัวและเชื่อมต่อกับเนื้อเยื่อใหม่ได้ดี ทำให้เกิดการแข็งตัวหรือเป็นก้อนใต้ผิวหนัง นอกจากนี้เทคนิคการฉีดของแพทย์ก็มีผลอย่างมาก หากไขมันถูกฉีดเข้าไปในชั้นผิวที่ตื้นเกินไปหรือฉีดเป็นกระจุกในตำแหน่งเดียวกันมากเกินไป
ดูดไขมันจากส่วนไหนของร่างกายมาฉีดหน้า?
ในการฉีดไขมันหน้าแพทย์จะต้องนำไขมันจากบริเวณที่มีไขมันสะสมในร่างกายของคนไข้เองโดยจุดที่นิยมใช้มากที่สุด ได้แก่:
- หน้าท้อง – เป็นบริเวณที่มีไขมันสะสมมากและสามารถดูดออกมาได้ในปริมาณที่เหมาะสม ไขมันจากหน้าท้องมักจะมีความแข็งแรงและสามารถนำไปฉีดเติมเต็มใบหน้าได้ดี
- ต้นขา – ไขมันจากต้นขามีความเนียนละเอียดและติดค่อนข้างดีเมื่อฉีดเข้าสู่ใบหน้า นอกจากนี้ ยังเป็นบริเวณที่สามารถดูดไขมันออกมาได้ในปริมาณมากโดยไม่ส่งผลกระทบต่อรูปร่างมากนัก
- สะโพกและบั้นท้าย – ไขมันจากบริเวณนี้มีความยืดหยุ่นสูงและสามารถช่วยเติมเต็มในจุดที่ต้องการวอลลุ่มมากขึ้นเช่นแก้ม หรือร่องแก้ม
แพทย์จะเลือกบริเวณที่เหมาะสมสำหรับคนไข้แต่ละคน เพื่อให้ได้ไขมันที่มีคุณภาพดีที่สุดสำหรับการฉีดเข้าไปในใบหน้าและช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นธรรมชาติและติดทนมากที่สุดครับ
ฉีดไขมันที่หน้าอยู่ได้นานแค่ไหน?
โดยทั่วไปไขมันที่ฉีดเข้าไปจะมีบางส่วนถูกดูดซึมไปในช่วง 3-6 เดือนแรกซึ่งเป็นกระบวนการปกติของร่างกาย หลังจากนั้นไขมันที่เหลืออยู่และสามารถเชื่อมต่อกับเนื้อเยื่อใหม่ได้จะสามารถอยู่ได้นานหลายปี ทั้งนี้ ความคงทนของไขมันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างเช่นเทคนิคของแพทย์ การดูแลตัวเองหลังทำ และไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน หากได้รับการฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์และใช้เทคนิคที่เหมาะสม ร่วมกับการดูแลตัวเองที่ดี ไขมันสามารถอยู่ได้นาน 5-10 ปีเลยทีเดียว ในบางกรณีที่ดูแลตัวเองดีมากและร่างกายตอบสนองต่อไขมันที่ฉีดเข้าไปได้ดี ไขมันอาจคงอยู่ได้ใกล้เคียงกับผลลัพธ์ถาวรครับ
ปัจจัยที่ช่วยให้ไขมันอยู่ได้นานขึ้นได้แก่การดูแลตัวเองหลังฉีดเช่นหลีกเลี่ยงการกดทับใบหน้าโดยตรงในช่วง 1-2 เดือนแรก หลีกเลี่ยงอุณหภูมิที่ร้อนจัดเช่นการซาวน่าหรือการออกกำลังกายหนักๆที่อาจทำให้ไขมันที่ฉีดเข้าไปถูกเผาผลาญได้เร็วขึ้น นอกจากนี้การดื่มน้ำให้เพียงพอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และการใช้สกินแคร์ที่ช่วยบำรุงผิวจะช่วยให้ไขมันติดและคงอยู่ในใบหน้าได้นานขึ้นครับ
ฉีดไขมันที่หน้าเจ็บไหม?
การฉีดไขมันที่หน้าเป็นหัตถการที่หลายคนกังวลเรื่องความเจ็บปวดแต่จริงๆแล้ว กระบวนการนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดครับ ระหว่างทำแพทย์จะใช้ยาชาเฉพาะที่ในบริเวณที่ดูดไขมันและบริเวณที่ฉีดไขมัน ทำให้ผู้เข้ารับบริการไม่รู้สึกเจ็บขณะทำ ขั้นตอนนี้ใช้เวลาไม่เกิน 15 นาทีและใช้ไขมันประมาณ 100-200 ซีซี โดยคุณหมอจะคำนวณปริมาณไขมันที่ต้องใช้และเลือกบริเวณดูดไขมันไว้ล่วงหน้า โดยส่วนใหญ่แพทย์จะเลือกดูดไขมันจากต้นขาก่อนและหากปริมาณไม่เพียงพอจึงดูดจากหน้าท้องซึ่งส่วนใหญ่คนไข้จะได้ไขมันที่ต้องการจากหน้าท้องเป็นหลักครับ
นอกจากนี้ ผู้เข้ารับบริการประมาณ 85-90% เลือกวิธีฉีดยาชาและให้ความเห็นตรงกันว่าคุณหมอมือเบามาก ทำแล้วไม่รู้สึกเจ็บ ระหว่างทำสามารถพูดคุยกับแพทย์ได้ตามปกติ ทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย ไม่รู้สึกเครียดหลังทำ อาจมีอาการตึงหรือระบมเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีดและบริเวณที่ดูดไขมัน ระหว่างขั้นตอนการทำแพทย์จะใช้ยาชาเฉพาะที่ในบริเวณที่ดูดไขมันและบริเวณที่ฉีดไขมัน ทำให้ผู้เข้ารับบริการไม่รู้สึกเจ็บขณะทำแต่หลังจากยาชาหมดฤทธิ์อาจมีอาการบวม
ฉีดไขมันที่หน้าระยะบวมกี่วัน?
หลังจากฉีดไขมันหน้าอาการบวมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตามปกติครับ โดยทั่วไปอาการบวมจะชัดเจนที่สุดในช่วง 3-5 วันแรกหลังจากนั้นอาการบวมจะเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยปกติภายใน 7-14 วันใบหน้าจะเริ่มเข้าที่และดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น อย่างไรก็ตามระยะเวลาการบวมอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างเช่นปริมาณไขมันที่ฉีด เทคนิคของแพทย์ และการดูแลตัวเองหลังทำ
ในช่วงสัปดาห์แรกควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดทับใบหน้าแรงๆและควรนอนหมอนสูงเพื่อลดอาการบวม การประคบเย็นในช่วง 48 ชั่วโมงแรกสามารถช่วยลดอาการบวมและอักเสบได้ดี หลังจากนั้นสามารถเปลี่ยนเป็นประคบอุ่นเพื่อช่วยให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้นและลดอาการบวมให้เร็วขึ้น
ขั้นตอนการฉีดไขมันที่หน้าที่ PMED
ขั้นตอนที่ 1: วิเคราะห์ใบหน้า
ก่อนฉีดไขมันแพทย์จะทำการวิเคราะห์ใบหน้าอย่างละเอียดโดยต้องมีความรู้เกี่ยวกับมิติของใบหน้าและเข้าใจว่าส่วนไหนควรเติมไขมันเพื่อให้ดูสวยงามแบบพอดี คุณหมอปิยพลมีพื้นฐานด้านศิลปะจากการเรียนการปั้นและการวาดภาพจากเพาะช่าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรศัลยศาสตร์ตกแต่งและเสริมสร้างใบหน้าที่โรงพยาบาลจุฬาฯทำให้เข้าใจถึงองค์ประกอบของใบหน้าในมิติศิลปะ แพทย์จะพิจารณาว่ากระดูกที่เป็นกรอบหน้าคือมิติที่แข็ง ส่วนที่มีไขมันคือมิติที่อ่อนและเมื่ออายุมากขึ้นไขมันลดลงทำให้ใบหน้าดูแข็งขึ้นเช่นแก้มตอบ ขมับตอบ การฉีดไขมันสามารถช่วยเติมเต็มให้ใบหน้าดูสมดุลมากขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้รับบริการและการวินิจฉัยของแพทย์เพราะไม่สามารถใช้วิธีเดียวในการแก้ปัญหากับทุกคนได้ครับ
ขั้นตอนที่ 2: การดูดไขมัน
การดูดไขมันใช้เวลาไม่เกิน 15 นาทีโดยแพทย์จะใช้ไขมันประมาณ 100-200 ซีซีซึ่งจะคำนวณไว้ล่วงหน้าว่าต้องดูดจากบริเวณใด โดยปกติจะเริ่มจากต้นขาก่อนและหากไม่พอจึงดูดจากหน้าท้อง ส่วนใหญ่คนไข้จะได้ไขมันที่ต้องการจากหน้าท้องเป็นหลัก ผู้เข้ารับบริการประมาณ 85-90% เลือกใช้วิธีฉีดยาชา ซึ่งได้รับการยืนยันว่าแพทย์มือเบามากทำแล้วไม่รู้สึกเจ็บ ระหว่างทำสามารถพูดคุยกับแพทย์ได้ตามปกติ ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายครับ
ขั้นตอนที่ 3: การคัดแยกไขมัน
หลังจากดูดไขมันออกมาแล้วไขมันจะต้องผ่านกระบวนการคัดแยกโดยใช้เทคนิค Growth Factors ซึ่งคุณหมอปิยพลเป็นผู้บุกเบิกการนำเทคนิคนี้มาใช้ในประเทศไทย เทคนิคนี้ช่วยเพิ่มอัตราการติดของไขมันโดยการสกัด Growth Factors จากเลือดของคนไข้เองแล้วนำมาผสมกับไขมันซึ่งเปรียบเสมือนเป็นอาหารเลี้ยงเซลล์ไขมัน ทำให้ไขมันติดดีถึง 80-90% และให้ผลลัพธ์ที่คงทนมากขึ้นเทคนิคนี้ช่วยให้ใบหน้าดูอิ่มฟูและเป็นธรรมชาติครับ
ขั้นตอนที่ 4: การฉีดไขมัน
ขั้นตอนนี้ต้องใช้ความชำนาญสูงมากในการกำหนดปริมาณไขมันที่เหมาะสมสำหรับแต่ละตำแหน่ง แพทย์ต้องคำนวณเผื่อไขมันบางส่วนที่อาจถูกดูดซึมไปโดยหลักการคือ “ฉีดพอดี หรือเกินได้นิดหน่อย” และ “ห้ามฉีดเกินมากๆ” เด็ดขาด เพราะหากฉีดมากเกินไปอาจทำให้หน้าบวมจนดูผิดธรรมชาติ หากต้องการลดไขมันส่วนเกินในภายหลังจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยากเนื่องจากไขมันที่ติดแล้วจะติดดีมาก ใบหน้ามีชั้นกล้ามเนื้อและพังผืดเยอะทำให้ขูดไขมันออกยากและอาจเกิดการบวมช้ำได้ง่าย ดังนั้นแพทย์จึงต้องมีความเชี่ยวชาญสูงในการคำนวณปริมาณและตำแหน่งการฉีดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติที่สุดครับ
ก่อนฉีดไขมันที่หน้าต้องเตรียมตัวอย่างไร?
การเตรียมตัวก่อนฉีดไขมันที่หน้าเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างราบรื่น และได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น โดยทั่วไป แพทย์จะแนะนำให้ผู้เข้ารับบริการเตรียมตัวตามแนวทางดังนี้:
- งดทานยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด – ควรงดยาแอสไพริน วิตามินอี ยาแก้อักเสบบางชนิด และอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น น้ำมันปลา โสม หรือกระเทียมล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะเลือดออกผิดปกติหรือเกิดรอยช้ำมากขึ้น
- งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ – ควรงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนทำ เนื่องจากสารนิโคตินในบุหรี่มีผลต่อการไหลเวียนของเลือดและการอยู่รอดของเซลล์ไขมัน แอลกอฮอล์ก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน เพราะอาจทำให้ร่างกายฟื้นตัวช้าลงและเสี่ยงต่ออาการบวมมากขึ้น
- พักผ่อนให้เพียงพอ – การนอนหลับอย่างเพียงพอช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดีขึ้น ลดความเครียด และช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานเป็นปกติ ทำให้ร่างกายพร้อมสำหรับการรักษา
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ – ควรรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อใหม่ และช่วยให้ไขมันที่ฉีดเข้าไปติดดีขึ้น
- แจ้งข้อมูลสุขภาพให้แพทย์ทราบ – หากมีโรคประจำตัว หรือกำลังรับประทานยาใด ๆ อยู่ ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบล่วงหน้า เพื่อตรวจสอบว่ายาหรือภาวะสุขภาพที่เป็นอยู่มีผลต่อการฉีดไขมันหรือไม่
- หลีกเลี่ยงการทำหัตถการหรือเลเซอร์ที่ใบหน้าก่อนฉีดไขมัน – เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการทำหัตถการซ้ำซ้อน แพทย์มักแนะนำให้หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ หรือทรีตเมนต์ที่มีผลต่อผิวหน้าก่อนเข้ารับการฉีดไขมันครับ
- เตรียมตัวสำหรับการฟื้นตัว – ควรวางแผนลาหยุดหากจำเป็น และจัดเตรียมของใช้ที่จำเป็น เช่น หมอนรองศีรษะสำหรับการนอนยกสูง แพ็คน้ำแข็งสำหรับลดบวม และอาหารอ่อนที่ช่วยให้รับประทานสะดวกในช่วงพักฟื้น
หลังฉีดไขมันที่หน้าต้องดูแลตัวเองอย่างไร?
การดูแลตัวเองหลังฉีดไขมันที่หน้าเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ไขมันติดดีและลดอาการบวมช้ำ รวมถึงทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยมีแนวทางดังนี้:
- หลีกเลี่ยงการกดทับบริเวณที่ฉีดไขมัน – ควรหลีกเลี่ยงการนวด คลึง หรือกดทับใบหน้าในช่วง 2-4 สัปดาห์แรก เนื่องจากไขมันที่ฉีดเข้าไปยังต้องการเวลาปรับตัวและเชื่อมต่อกับเนื้อเยื่อใหม่ หากมีแรงกดมากเกินไป อาจทำให้ไขมันสลายเร็วกว่าปกติ
- นอนหมอนสูงและหลีกเลี่ยงการนอนตะแคง – การนอนหนุนหมอนสูงในช่วง 3-7 วันแรกช่วยลดอาการบวม และควรหลีกเลี่ยงการนอนตะแคงเพื่อป้องกันการกดทับไขมันที่ยังไม่เข้าที่
- ประคบเย็นในช่วง 48 ชั่วโมงแรก – การประคบเย็นช่วยลดอาการบวมและการอักเสบของใบหน้า หลังจากผ่านไป 48 ชั่วโมงแล้ว สามารถเปลี่ยนเป็นประคบอุ่นเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและช่วยให้ใบหน้าหายบวมเร็วขึ้น
- ดื่มน้ำให้เพียงพอและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ – การดื่มน้ำวันละ 2-3 ลิตร และรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน และไขมันดี เช่น ปลาแซลมอน อะโวคาโด และถั่ว จะช่วยให้ไขมันติดดีขึ้นและช่วยให้ใบหน้าดูอิ่มฟูอย่างเป็นธรรมชาติ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ – ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ เนื่องจากนิโคตินและแอลกอฮอล์มีผลต่อการไหลเวียนโลหิต อาจทำให้ไขมันที่ฉีดเข้าไปติดไม่ดีและสลายเร็วกว่าปกติ
- งดออกกำลังกายหนัก – ในช่วง 2-4 สัปดาห์แรก ควรงดออกกำลังกายหนักที่ทำให้หัวใจเต้นเร็ว หรือกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก เพราะอาจทำให้ไขมันที่ฉีดเข้าไปเผาผลาญเร็วขึ้น ส่งผลให้ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นาน
- หลีกเลี่ยงความร้อนจัด – ไม่ควรเข้าซาวน่า อบไอน้ำ หรือโดนแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานาน เพราะความร้อนอาจทำให้เซลล์ไขมันเสื่อมสภาพเร็วขึ้นและทำให้ไขมันสลายเร็วกว่าปกติ
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด – ควรเข้ารับการติดตามผลตามที่แพทย์กำหนด และหากมีอาการผิดปกติ เช่น บวมแดงมากผิดปกติ มีไข้ หรือเจ็บรุนแรง ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
เติมไขมันหน้า และการฉีดฟิลเลอร์ต่างกันอย่างไร? เลือกแบบไหนดี?
- แหล่งที่มา – การฉีดไขมันใช้ไขมันของตัวเองที่ดูดจากร่างกายมาเติมเต็มบนใบหน้า ทำให้ไม่มีสารแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายและลดความเสี่ยงจากอาการแพ้ ขณะที่ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มสังเคราะห์ เช่น ไฮยาลูโรนิกแอซิด (HA) ซึ่งสามารถเลือกใช้ในปริมาณที่แม่นยำและสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ
- ความคงทน – ไขมันที่ฉีดเข้าไปสามารถอยู่ได้นานหลายปี (3-10 ปีขึ้นอยู่กับการดูแล) เนื่องจากเป็นเซลล์ไขมันของร่างกายเองที่สามารถเชื่อมต่อกับเนื้อเยื่อใหม่ ในขณะที่ฟิลเลอร์มีอายุการใช้งานสั้นกว่า โดยทั่วไปอยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน และจำเป็นต้องฉีดซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์
- การตอบสนองของร่างกาย – ไขมันของตัวเองมักไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านจากร่างกาย ลดความเสี่ยงของการแพ้หรือผลข้างเคียงจากสารสังเคราะห์ ส่วนฟิลเลอร์แม้จะมีสูตรที่ปลอดภัยมากขึ้นในปัจจุบัน แต่ยังมีโอกาสเกิดอาการแพ้ หรือปฏิกิริยาต่อสารเติมเต็มได้ในบางกรณี
- ผลลัพธ์และลักษณะของใบหน้า – การฉีดไขมันให้ความเป็นธรรมชาติสูง เพราะใช้เซลล์ไขมันของร่างกายเอง นอกจากช่วยเติมเต็มแล้ว ยังช่วยปรับคุณภาพผิวให้ดีขึ้นจากสารอาหารในไขมัน ส่วนฟิลเลอร์มีความแม่นยำกว่า สามารถเติมเฉพาะจุดและกำหนดปริมาณได้ชัดเจน ทำให้เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับแต่งโครงหน้าหรือแก้ไขปัญหาเฉพาะจุดอย่างรวดเร็ว
- ความเสี่ยงและผลข้างเคียง – การฉีดไขมันมีโอกาสที่ไขมันบางส่วนจะถูกดูดซึมไป ทำให้ในบางกรณีต้องมีการเติมไขมันเพิ่มเติมในภายหลัง ในขณะที่ฟิลเลอร์หากฉีดผิดตำแหน่งหรือฉีดเข้าเส้นเลือด อาจทำให้เกิดปัญหาเส้นเลือดอุดตัน ซึ่งต้องระวังเป็นพิเศษ
รีวิวฉีดไขมันหน้าที่ PMED
ทำไมต้องฉีดไขมันหน้าที่ PMED?
- ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของคุณหมอต้น – Pmed Clinic นำโดยคุณหมอต้น ซึ่งมีประสบการณ์มากกว่า 10 ปีในการเติมไขมันหน้า ทำให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ คุณหมอมีความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับมิติของใบหน้าและเทคนิคเฉพาะทางที่ช่วยให้ไขมันติดดีขึ้นและให้ผลลัพธ์ที่สวยงามยาวนาน
- หนึ่งในคลินิกแรก ๆ ที่เติมไขมันหน้าในประเทศไทย – Pmed Clinic เป็นคลินิกที่ริเริ่มการเติมไขมันหน้าในประเทศไทยตั้งแต่ยุคแรก ๆ และได้พัฒนาเทคนิคมาอย่างต่อเนื่อง การมีประสบการณ์ในการทำเคสจำนวนมากทำให้แพทย์สามารถออกแบบการเติมไขมันให้เหมาะสมกับโครงหน้าของแต่ละบุคคลได้ดีที่สุด
- เทคนิค Growth Factors ช่วยให้ไขมันติดดีขึ้น – Pmed Clinic ได้พัฒนาและนำเทคนิค Growth Factors มาใช้ในการเติมไขมัน ซึ่งเป็นเทคนิคที่ช่วยเพิ่มอัตราการอยู่รอดของเซลล์ไขมันได้ถึง 80-90% การใช้ Growth Factors จากเลือดของคนไข้เองมาผสมกับไขมัน ทำให้ไขมันที่ฉีดเข้าไปมีสารอาหารที่ช่วยให้ติดดีขึ้น ลดการสลายตัว และช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น
- ผลลัพธ์ที่คงทนและเป็นธรรมชาติ – ด้วยเทคนิคเฉพาะของคุณหมอต้น การฉีดไขมันที่ Pmed Clinic ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและติดทนนานมากกว่าเทคนิคทั่วไป ผู้เข้ารับบริการจะได้ใบหน้าที่ดูอิ่มฟู มีมิติ และช่วยให้ผิวดูสดใสขึ้นโดยไม่ต้องฉีดซ้ำบ่อย ๆ
ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาการเติมไขมันหน้าที่ปลอดภัยให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานและดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ Pmed Clinic เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดครับ
นอกจากการฉีดไขมันหน้าเพื่อฟื้นฟูผิวและเพิ่มมิติให้ใบหน้าแล้ว ที่ 42G Clinic เรายังให้บริการ ปลูกผมถาวร สำหรับผู้ที่มีปัญหา ผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน ด้วยเทคนิคที่ทันสมัย เช่น FUE, DHI, และ Long Hair FUE หากคุณกำลังมองหาวิธีแก้ปัญหาผมร่วงให้กลับมามีเส้นผมดกหนาอีกครั้ง 42G Clinic พร้อมเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
สนใจปลูกผมถาวร: 42G Clinic ปลูกผม