
การเติมไขมันหน้าและการใช้ฟิลเลอร์เป็นสองทางเลือกในการปรับโครงหน้าที่ได้รับความนิยมอย่างมาก แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสียที่ต่างกัน บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจรายละเอียดของทั้งสองวิธี ทั้งในด้านผลลัพธ์ ความเสี่ยง และค่าใช้จ่าย เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ฉีดไขมันหน้า หรือ เติมไขมันหน้า (Fat Grafting) คืออะไร

ใบหน้าของคนเราโดยปกติจะมีไขมันเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยให้ผิวดูแน่นและอ่อนเยาว์ แต่เมื่ออายุมากขึ้น ไขมันบริเวณใบหน้าจะค่อย ๆ ลดลงตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป การฉีดไขมันหน้าหรือ Fat Grafting เป็นการนำไขมันจากบริเวณอื่นในร่างกาย เช่น ต้นขา หน้าท้อง หรือต้นขาด้านใน ซึ่งไขมันเหล่านี้จะถูกนำมาฉีดเติมบริเวณใบหน้า เช่น หน้าผาก ขมับ ใต้ตา ร่องแก้ม และแก้มตอบ
การเติมไขมันหน้า หรือที่เรียกว่า Fat Grafting คือการนำไขมันจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่มีไขมันส่วนเกิน เช่น ต้นขา หน้าท้อง หรือแขน มาฉีดในบริเวณใบหน้าเพื่อเติมเต็มจุดที่ขาดหายไปตามอายุ หรือจากปัจจัยทางพันธุกรรม การเติมไขมันนี้ช่วยแก้ปัญหาใบหน้าตอบ ร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องใต้ตา หรือขมับที่ตอบลง โดยไขมันที่ใช้จะมีเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) ซึ่งเป็นเซลล์ที่มีความสามารถในการฟื้นฟูเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวแข็งแรงและอ่อนเยาว์ขึ้น นอกจากจะช่วยเรื่องการเติมเต็มแล้วยังส่งผลให้ผิวหน้าดูสดใส สีผิวสม่ำเสมอ ลดริ้วรอย ฝ้า กระ และจุดด่างดำ
การเติมไขมันหน้าจึงเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้าให้ดูเป็นธรรมชาติและปลอดภัย เพราะเป็นการใช้ไขมันของตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีหรือวัสดุแปลกปลอมอื่น ๆ
อ่านเพิ่มเกี่ยวกับการเติมไขมัน: Pmed Clinic เติมไขมันหน้า
ประโยชน์ของการเติมไขมันหน้า
การเติมไขมันไม่เพียงช่วยเติมเต็มบริเวณที่ไขมันขาดหายไป แต่ยังช่วยฟื้นฟูผิวโดยมีสเต็มเซลล์ไขมันที่ถูกดูดออกมาพร้อมไขมัน สามารถช่วยปรับสภาพเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูนุ่มขึ้น รูขุมขนเล็กลง ลดรอยฝ้ากระและจุดด่างดำ ทั้งยังช่วยให้ผิวหน้าโดยรวมดูอ่อนเยาว์ขึ้น
ฟิลเลอร์ คืออะไร

ฟิลเลอร์คือสารเติมเต็มที่ได้จากการสังเคราะห์ โดยมีความหนาแน่นของเจลที่แตกต่างกันตามตำแหน่งที่ต้องการเติม การใช้ฟิลเลอร์เหมาะกับการเติมเต็มบริเวณที่ต้องการปริมาณไม่มากและต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว เนื่องจากฟิลเลอร์สามารถฉีดได้โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการเตรียมไขมันเหมือนการเติมไขมันหน้า
ประเภทของฟิลเลอร์ที่นิยมใช้
ประเภทที่นิยมที่สุดคือไฮยาลูรอนิกแอซิด (HA) ซึ่งมีคุณสมบัติในการเติมเต็มและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูฟูขึ้น นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ยังเหมาะกับการเติมจุดเฉพาะที่ต้องการเน้นโครงสร้าง เช่น ริมฝีปาก หรือร่องแก้ม
ความแตกต่างระหว่าง เติมไขมันหน้า vs ฟิลเลอร์
การเติมไขมันหน้าและฟิลเลอร์มีความแตกต่างกันในหลายด้าน ตั้งแต่เนื้อสัมผัสจนถึงผลลัพธ์และความยั่งยืน ดังนี้:
ความแตกต่าง เนื้อสัมผัส
การเติมไขมันหน้าให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มนวลและเป็นธรรมชาติกว่า เนื่องจากเป็นไขมันจากร่างกายของผู้ทำเอง ส่วนฟิลเลอร์มีเนื้อที่แข็งและเจลจึงให้ผลที่กระชับและตึงกว่า ซึ่งเหมาะกับการปรับโครงสร้างบางจุด เช่น คางและจมูก
สิ่งที่ต่างกันด้าน การฟื้นฟูผิว
การเติมไขมันมาพร้อมกับสเต็มเซลล์ไขมันที่ช่วยกระตุ้นให้ผิวดีขึ้นในระยะยาว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ ลดจุดด่างดำ และกระชับรูขุมขน ขณะที่ฟิลเลอร์เน้นการเติมน้ำและให้ความชุ่มชื้น
ระยะเวลาการคงทน
การเติมไขมันให้ผลที่ยาวนานกว่า เพราะเป็นเซลล์ไขมันของร่างกายที่สามารถเจริญเติบโตในบริเวณใหม่ ขณะที่ฟิลเลอร์จะสลายไปตามเวลา โดยปกติจะอยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือนขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์
ความแตกต่างของขั้นตอนด้านการทำงาน เติมไขมันหน้า vs ฟิลเลอร์
การเติมไขมันหน้าต้องผ่านขั้นตอนการดูดไขมันจากส่วนอื่นก่อน จากนั้นไขมันจะถูกเตรียมและฉีดกลับไปยังบริเวณใบหน้า ซึ่งทำให้ต้องใช้เวลาและความชำนาญในการเตรียมไขมันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ส่วนฟิลเลอร์สามารถฉีดได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนเตรียมมากนัก
ความแตกต่างด้านผลลัพธ์หลังการทำ เติมไขมันหน้า vs ฟิลเลอร์
การเติมไขมันให้ความรู้สึกนุ่มนวลและเป็นธรรมชาติกว่า ทำให้หน้าดูอ่อนเยาว์มากขึ้น ฟิลเลอร์จะให้ผลลัพธ์ที่กระชับและคมชัด เหมาะกับการเติมบางจุดที่ต้องการเน้นให้มีมิติชัดเจนมากขึ้น
ความเสี่ยงและผลข้างเคียง
- การเติมไขมันหน้า: โดยปกติไม่มีสารแปลกปลอม เนื่องจากเป็นไขมันจากร่างกายเอง แต่ต้องอาศัยเทคนิคการเตรียมไขมันอย่างดีเพื่อป้องกันปัญหาการจับตัวเป็นก้อนหรือการไม่ติด ซึ่งอาจเกิดขึ้นหากเทคนิคการฉีดไม่ถูกต้อง
- ฟิลเลอร์: มีความเสี่ยงในการเข้าเส้นเลือดหากฉีดผิดตำแหน่ง นอกจากนี้ยังอาจเกิดการจับตัวเป็นก้อนหรือการอุดตันเส้นเลือดหากฉีดผิดตำแหน่ง การฉีดฟิลเลอร์จึงควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
ข้อดีและข้อเสียของการเติมไขมันหน้า vs ฟิลเลอร์

ข้อดีของการเติมไขมันหน้า
- ใช้ไขมันของตนเอง จึงมีโอกาสเกิดอาการแพ้น้อยมาก
- เติมเต็มอย่างเป็นธรรมชาติและปรับปรุงคุณภาพผิวในระยะยาวด้วยสเต็มเซลล์ไขมัน
- เหมาะสำหรับการเติมในปริมาณมาก
ข้อเสียของการเติมไขมันหน้า
- ต้องใช้เทคนิคที่ซับซ้อน อาจเกิดการจับตัวเป็นก้อนหากไม่ทำอย่างระมัดระวัง
- ใช้เวลานานกว่าฟิลเลอร์ เพราะต้องผ่านขั้นตอนดูดไขมันและเตรียมไขมันก่อนฉีด
ข้อดีของฟิลเลอร์
- รวดเร็ว ไม่ต้องผ่านขั้นตอนเตรียมไขมัน เหมาะกับการเติมเฉพาะจุดเล็ก ๆ
- ผลลัพธ์ชัดเจน ทันที เหมาะสำหรับการเติมแต่งที่ต้องการการปรับโครงสร้าง
ข้อเสียของฟิลเลอร์
- หากฉีดในปริมาณมากอาจเกิดการสะสมและจับตัวเป็นก้อนได้
- มีความเสี่ยงในการเกิดการไหลหรือการจับตัวผิดรูปเมื่อเวลาผ่านไป
ควรเลือกอะไรดีระหว่างการเติมไขมันหน้ากับฟิลเลอร์? (ข้อควรพิจารณา)
การเลือกว่าควรใช้การเติมไขมันหรือฟิลเลอร์นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ตำแหน่งที่ต้องการเติม ปริมาณที่ต้องการ และผลลัพธ์ที่ต้องการ หากต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นเพียงเล็กน้อย ฟิลเลอร์อาจเป็นทางเลือกที่ดี แต่หากต้องการเติมเต็มใบหน้าในปริมาณมาก การเติมไขมันจะให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมากกว่า
ความปลอดภัยในการเติมไขมันหน้ากับฟิลเลอร์
ทั้งการเติมไขมันและฟิลเลอร์มีความปลอดภัย หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การเติมไขมันมีข้อดีที่ใช้ไขมันของตัวเอง จึงไม่มีสารแปลกปลอม ขณะที่ฟิลเลอร์ต้องเลือกชนิดที่เหมาะสมกับแต่ละตำแหน่งเพื่อลดความเสี่ยงในการไหลหรืออุดตัน
เปรียบเทียบค่าใช้จ่าย ระหว่างการเติมไขมันหน้า vs ฟิลเลอร์
การเติมไขมันหน้ามักจะมีราคาถูกกว่า เนื่องจากสามารถใช้ไขมันของตนเองในปริมาณมาก ส่วนฟิลเลอร์จะมีค่าใช้จ่ายตามจำนวนซีซีที่ใช้ หากต้องเติมในปริมาณมาก ค่าใช้จ่ายจะสูงขึ้น
ความเห็นจากคุณหมอต้น: เติมไขมันหน้า vs ฟิลเลอร์ แบบไหนดีกว่ากัน?
คุณหมอต้นมองว่าการเติมไขมันหน้าเป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติที่สุดในระยะยาว เนื่องจากไม่เพียงเติมเต็มบริเวณที่ขาดหายไป แต่ยังช่วยฟื้นฟูผิวจากภายในด้วยสเต็มเซลล์ไขมัน นอกจากนี้ในไขมันยังมีGrowth Factorที่เราสามารถสกัดออกมาได้เพื่อช่วยเรื่องผมแข็งแรงอีกด้วย อย่างไรก็ตาม หากต้องการเติมบางจุดเล็ก ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการการเติมเต็มที่ไม่มาก ฟิลเลอร์ก็ยังเป็นตัวเลือกที่สะดวกและได้ผลเช่นกัน
อ่านเกี่ยวกับ Growth Factor: ทรีทเม้นท์ผมด้วย PRP และ Growth Factor