การเสริมหน้าอกเป็นหนึ่งในศัลยกรรมความงามที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่ต้องการเพิ่มขนาดหรือปรับรูปทรงหน้าอกเพื่อให้เหมาะสมกับรูปร่างและความต้องการของตัวเองการเสริมหน้าอกไม่ได้เป็นเพียงการเพิ่มขนาดเท่านั้นแต่ยังช่วยสร้างสมดุลให้กับรูปร่างโดยรวมเพิ่มเสน่ห์และความมั่นใจในทุกการแต่งตัวอีกทั้งยังส่งผลต่อบุคลิกภาพที่ดีขึ้นในชีวิตประจำวันในยุคปัจจุบันการเสริมหน้าอกได้รับการพัฒนาทั้งในด้านเทคนิควัสดุที่ใช้และความปลอดภัยทำให้การตัดสินใจเข้ารับบริการศัลยกรรมเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นอย่างไรก็ตามการเสริมหน้าอกไม่ใช่เรื่องที่ควรตัดสินใจแบบเร่งรีบเพราะผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น การเลือกซิลิโคน ขนาด เทคนิคการผ่าตัด และช่วงเวลาที่เหมาะสมรวมไปถึงการดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด
Scroll
down
การเสริมหน้าอกช่วยเพิ่มความสมดุล
และความโดดเด่นให้รูปร่างทำให้ลุคดูมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น
สำหรับผู้ที่รู้สึกไม่มั่นใจในรูปร่าง
การเสริมหน้าอกสามารถช่วยเสริมสร้างความมั่นใจได้
โดยเฉพาะหลังจากการตั้งครรภ์หรือ
การลดน้ำหนักการเสริมหน้าอกจะช่วยให้
ทรวงอกกลับมาดูเต็มอิ่มและกระชับ
การเสริมหน้าอกสามารถเปลี่ยนลุค
ให้ดูน่าดึงดูด และเพิ่มเสน่ห์ให้กับทุกลุค
เช่นในสายงานที่ต้องการบุคลิกภาพที่
น่าดึงดูดการเสริมหน้าอกจะช่วยให้พร้อมสำหรับโอกาสใหม่ ๆ
Tips : ซิลิโคนแต่ละทรง ให้ผลลัพธ์การเสริมหน้าอกที่แตกต่างกัน
ซิลิโคนทรงกลมจะช่วยให้หน้าอกดูอิ่มแน่นตั้งแต่เนินอกลงไปถึงเต้านมส่วนล่าง เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกอยู่แล้ว แต่ต้องการทำหน้าอกให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เน้นให้เนินอกดูเต็มขึ้น และมีรูปทรงที่ชัดเจนขึ้น
ซิลิโคนทรงนี้มีลักษณะคล้ายเต้านมของมนุษย์ขณะยืนอยู่ มีความหย่อนคล้อยเล็กน้อยตามแรงโน้มถ่วง ทำให้หน้าอกดูสวยไม่หลอกมากกว่าทรงกลม เหมาะกับผู้ที่เนื้อหน้าอกน้อย แต่อยากให้หน้าอกดูอวบอิ่ม และไม่ต้องการให้เห็นรูปทรงซิลิโคนชัดเจนเกินไป รวมถึงคนที่หน้าอกหย่อนคล้อยเล็กน้อย หรือปานกลางจะช่วยให้เต้านมดูเชิดขึ้น พุ่งขึ้น
ลักษณะของเทคนิค
– แผลผ่าตัดจะอยู่บริเวณใต้ราวนม ใกล้กับจุดที่หน้าอกเชื่อมกับลำตัว
– ขนาดแผลโดยเฉลี่ยประมาณ 3-4 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับขนาดของซิลิโคนที่เลือก
ข้อดี
– การมองเห็นชัดเจน: ศัลยแพทย์สามารถเข้าถึงตำแหน่งของการวางซิลิโคนได้โดยตรง ทำให้ปรับแต่งได้แม่นยำ
– เหมาะสำหรับซิลิโคนทุกขนาดและทุกประเภท: ไม่ว่าจะเป็นทรงหยดน้ำหรือทรงกลม
– แผลอยู่ในตำแหน่งซ่อนตัว: แผลจะซ่อนอยู่ใต้ราวนม ซึ่งมักไม่เห็นชัดเจนเมื่อนมคล้อยตามธรรมชาติ
– ฟื้นตัวเร็วกว่า: เพราะไม่ต้องผ่าผ่านกล้ามเนื้อบริเวณอื่น
ข้อเสีย
– เห็นแผลในบางท่าทาง: หากไม่มีรอยพับใต้ราวนมที่ชัดเจน อาจเห็นแผลเล็กน้อยเมื่อก้มตัว
– ไม่เหมาะกับผู้ที่หน้าอกเล็กมากจนไม่มีราวนมปิดบัง
เหมาะสำหรับใคร
– ผู้ที่ต้องการขนาดซิลิโคนใหญ่กว่า 300cc
– ผู้ที่มีราวนมชัดเจนและต้องการแผลที่ซ่อนง่าย
ลักษณะของเทคนิค
– แผลผ่าตัดจะอยู่บริเวณรอยพับของรักแร้ ขนาดแผลประมาณ 3-5 เซนติเมตร
– ศัลยแพทย์ใช้กล้องส่องในการช่วยมองเห็นและวางซิลิโคน
ข้อดี
– ไม่มีแผลบริเวณหน้าอก: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงแผลเป็นบริเวณหน้าอกโดยสิ้นเชิง
– ซ่อนแผลได้ง่าย: โดยเฉพาะกับคนที่ใส่ชุดที่โชว์หน้าอก เช่น ชุดว่ายน้ำหรือชุดราตรี
– ลดความกังวลเรื่องพังผืด: เมื่อใช้เทคนิคผ่าตัดร่วมกับอุปกรณ์พิเศษ
ข้อเสีย
– ตำแหน่งการผ่าตัดซับซ้อนกว่า: การวางซิลิโคนต้องใช้ความชำนาญสูง เพราะเข้าผ่านกล้ามเนื้อจากรักแร้
– ระยะเวลาฟื้นตัวนานกว่า: เนื่องจากแผลต้องผ่านกล้ามเนื้อบริเวณรักแร้
– ไม่เหมาะกับซิลิโคนทรงหยดน้ำ: เพราะต้องการการควบคุมที่แม่นยำในการวางตำแหน่ง
เหมาะสำหรับใคร
– ผู้ที่ไม่ต้องการให้มีรอยแผลบริเวณหน้าอก
– ผู้ที่เลือกซิลิโคนขนาดไม่ใหญ่มาก (200-300cc)
คำแนะนำในการเลือก
ควรเลือกเทคนิคตาม โครงสร้างร่างกาย และ ความต้องการของผู้เข้ารับบริการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินว่าสรีระของคุณเหมาะกับแผลแบบใด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ
อกหย่อน อกคล้อย อกยาน แก้ไขด้วยเทคนิค “ยกกระชับหน้าอก”หน้าอกหย่อนคล้อย เป็นปัญหาใหญ่ของสาวๆ ที่มีหน้าอกใหญ่หรือผู้ที่ผ่านการมีบุตร เนื่องจากระหว่างตั้งครรภ์ฮอร์โมนเพศหญิงมีการเปลี่ยนแปลงทำให้หน้าอกขยายใหญ่ขึ้น เมื่อมีการให้นมบุตรส่งผลให้บริเวณหน้าอกหดตัว จึงทำให้หน้าอกที่เคยตึงกระชับ กลับมาหย่อนคล้อยคล้ายถุงกาแฟปัญหานี้ทำให้สาวๆ หลายท่านขาดความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก และการแก้ไขหน้าอกให้กลับมาตึงกระชับดังเดิม คือการยกกระชับหน้าอก
ระดับที่ 1 : หัวนมอยู่เสมอกับเส้นใต้ราวนม โดยหน้าอกยังตั้งตรงอยู่ ปานนมไม่ได้ห้อยตก และยังอยู่สูงกว่าฐานหน้าอก
ระดับที่ 2 : หัวนมเริ่มอยู่เท่ากันหรือคล้อยต่ำกว่าฐานหน้าอกประมาณ 1 เซนติเมตร ภาพรวมของหน้าอกดูห้อยลงต่ำเล็กน้อย
ระดับที่ 3 : หน้าอกมีการหย่อนคล้อยในลักษณะที่สังเกตเห็นได้ง่าย เช่นปานนมจะอยู่ต่ำกว่าฐานหน้าอกประมาณ 2-3 เซนติเมตร
ระดับที่ 4 : หน้าอกเสียรูปทรงและหย่อนคล้อยตกลงมาใกล้ขนานกับพื้น ปานนมจะอยู่ต่ำกว่าฐานหน้าอกประมาณ 3 เซนติเมตร
การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนเป็นการปรับรูปร่างที่ให้ผลลัพธ์ยาวนานแต่ซิลิโคนไม่ได้มีอายุการใช้งานถาวร และอาจต้องเปลี่ยนเมื่อเกิดปัญหาหรือมีความต้องการใหม่ ๆ ดังนี้
คำแนะนำเพิ่มเติม
การตรวจซิลิโคนเป็นประจำ : ควรเข้ารับการตรวจทุก 2-3 ปี เพื่อเช็คความสมบูรณ์ของซิลิโคน
เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน : เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
1. ปรึกษาแพทย์และเลือกซิลิโคนให้เหมาะสม
ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ ทรงซิลิโคน (กลม / หยดน้ำ) และ ขนาดที่เหมาะกับสรีระของตนเอง เลือก เทคนิคผ่าตัด (แผลใต้ราวนม / แผลใต้รักแร้) ให้เหมาะกับร่างกายและความต้องการ ตรวจร่างกายเบื้องต้น และแจ้งแพทย์หากมีโรคประจำตัว
2. งดอาหารและน้ำก่อนผ่าตัด
งดอาหารและเครื่องดื่มอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง ก่อนผ่าตัด(เพราะต้องใช้ยาสลบ) หลีกเลี่ยง อาหารที่มีไขมันสูง / อาหารรสจัด ก่อนผ่าตัด 1 วัน
3. งดยาและอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด
หยุดยา แอสไพริน (Aspirin), ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) และ วิตามินอี อย่างน้อย 7 วันก่อนผ่าตัด งดสมุนไพรบางชนิด เช่น โสม, แปะก๊วย, กระเทียมสกัด, น้ำมันปลา หากต้องรับประทานยาประจำ ให้แจ้งแพทย์ล่วงหน้า
4. งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์
บุหรี่มีผลต่อการสมานแผล และอาจทำให้แผลหายช้า แอลกอฮอล์อาจมีผลต่อความดันโลหิตและการใช้ยาสลบ
5. เตรียมตัวในวันผ่าตัดอาบน้ำและสระผมให้สะอาด ก่อนวันผ่าตัด
(เพราะหลังผ่าตัด 1-2 วัน อาจยังอาบน้ำได้ลำบาก) ใส่เสื้อผ้าที่สวมใส่ง่าย เช่น เสื้อกระดุมหน้า หรือเสื้อซิปหน้า เพื่อสะดวกต่อการเปลี่ยนเสื้อหลังผ่าตัด งดแต่งหน้า / ทาเล็บ / ใส่เครื่องประดับ ในวันผ่าตัด
6. จัดเตรียมของใช้ที่จำเป็นสำหรับพักฟื้น
เสื้อชั้นในแบบไม่มีโครง (Sport Bra / Support Bra) หมอนรองหลัง / หมอนรองคอ สำหรับใช้พิงเวลานอน ยาทาหรือยารับประทานตามแพทย์สั่ง
7. มีเพื่อนหรือญาติมาดูแลหลังผ่าตัด
ควรมี คนมารับกลับบ้าน เพราะหลังผ่าตัดจะยังไม่สามารถขับรถเองได้เตรียมที่พักที่สะอาด อากาศถ่ายเทสะดวก สำหรับการพักฟื้น
1. พักฟื้นและหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวรุนแรง
นอนพัก อย่างน้อย 24 ชั่วโมงแรก หลังผ่าตัด นอนหงาย (ห้ามนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ) เพื่อป้องกันแรงกดทับที่หน้าอก ควรใช้ หมอนรองหลัง หรือ หมอนรองคอ เพื่อให้อยู่ในท่านั่งเอน 45 องศา ช่วยลดบวม หลีกเลี่ยง ยกของหนัก / กางแขนกว้าง ๆ อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์
2. ดูแลแผลและหลีกเลี่ยงน้ำโดนแผล
ห้ามให้แผลเปียกน้ำ จนกว่าแพทย์จะอนุญาต (โดยปกติประมาณ 7 วันแรก)
ทำความสะอาดแผลตามแพทย์สั่ง ใช้สำลีแอลกอฮอล์เช็ดรอบ ๆ แผล และเปลี่ยนผ้าก๊อซเป็นประจำ งด เกา / แกะ / จับแผลบ่อย ๆ
3. ใส่ชุดชั้นในที่เหมาะสม
ต้องใส่ Support Bra หรือ Sport Bra แบบไม่มีโครง ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 1-2 เดือน ห้ามใส่ บรามีโครงเหล็ก เพราะอาจกดทับซิลิโคนและแผล
4. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจกระทบกระเทือนซิลิโคน
งดออกกำลังกาย หรือกิจกรรมที่ต้องใช้แรงแขนเยอะ ๆ อย่างน้อย 6-8 สัปดาห์
หลีกเลี่ยงการ ขับรถเอง ในช่วง 2 สัปดาห์แรก เพราะการขยับแขนอาจทำให้รู้สึกเจ็บ งด นวดหน้าอกเอง ในช่วงแรก ถ้าต้องการนวด ควรให้แพทย์เป็นผู้แนะนำ
5. งดบุหรี่ แอลกอฮอล์ และอาหารที่มีผลต่อแผล
งดบุหรี่และแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1 เดือน เพราะจะทำให้แผลหายช้า
หลีกเลี่ยง อาหารทะเล อาหารรสจัด ของหมักดอง และของแสลง ที่อาจทำให้แผลอักเสบ ควรรับประทาน อาหารที่มีโปรตีนสูง วิตามินซี และน้ำเยอะ ๆ เพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกาย
6. รับประทานยาและมาตรวจตามแพทย์นัด
กิน ยาแก้ปวด ยาฆ่าเชื้อ และยาลดบวม ตามที่แพทย์สั่ง
หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดมากผิดปกติ บวมแดงมาก หรือมีน้ำเหลืองซึมออกมา ให้รีบพบแพทย์ทันที ต้องกลับมาตรวจ ตามนัดของแพทย์ เพื่อตรวจเช็กการเข้าที่ของซิลิโคน
การศัลยกรรมหน้าอกแบ่งหลัก ๆ เป็น 3 แบบ คือ
ควรเลือกตามรูปร่าง ลักษณะหน้าอกเดิม และความต้องการ เช่น ทรงกลม (Round) หรือทรงหยดน้ำ (Anatomical/Teardrop) พร้อมเลือกขนาดและผิวสัมผัส (เรียบ / ขรุขระ) โดยแพทย์จะเป็นผู้ช่วยประเมินให้เหมาะสมกับสรีระหากคนไข้ที่ต้องการให้ใบหน้าเต็มอิ่มอยู่ตลอด หรือชอบแบบใบหน้ากลมๆ ก็สามารถมาฉีดซ้ำรอบ2 ได้ตามความต้องการค่ะ
ความเจ็บขึ้นอยู่กับเทคนิคการผ่าตัดและระดับความทนของแต่ละคน โดยทั่วไปจะรู้สึกตึง ๆ เจ็บ ๆ ประมาณ 3–7 วัน และสามารถกลับไปทำงานเบา ๆ ได้ภายใน 5–7 วันหลังผ่าตัดทำให้ผิวนุ่มขึ้นด้วยค่ะ
ซิลิโคนรุ่นใหม่มีอายุการใช้งานนานถึง 10–20 ปี แต่ควรตรวจเช็คกับแพทย์ทุก 1–2 ปี และหากไม่มีปัญหาใด ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน
ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่เลือก เช่น
หากเสริมด้วยเทคนิคที่ไม่กระทบต่อท่อน้ำนม เช่น เสริมใต้กล้ามเนื้อ จะไม่มีผลกระทบกับการให้นมบุตร
ควรงดวิตามิน อาหารเสริม และยาที่อาจทำให้เลือดออกง่าย ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์ และต้องงดสูบบุหรี่ก่อน-หลังผ่าตัด 2 สัปดาห์ พร้อมตรวจสุขภาพเบื้องต้นก่อนทำการผ่าตัด
งดยกของหนัก ออกกำลังกายช่วงแขนและอก 1 เดือนแรก, นอนหงายเท่านั้นช่วงแรก และสวมบราที่แพทย์แนะนำอย่างสม่ำเสมอ