ขั้นตอนการเสริมจมูกแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty) แบบละเอียด เข้าใจง่าย เห็นภาพชัด

การเสริมจมูกเป็นศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในทุกช่วงวัย เพราะจมูกเป็นจุดศูนย์กลางของใบหน้า หากเสริมให้สวยเข้ารูปจะช่วยส่งเสริมบุคลิกโดยรวมได้อย่างมาก หนึ่งในเทคนิคที่ได้รับความนิยมในเคสที่ต้องการปรับโครงสร้างจมูกอย่างละเอียดก็คือ “การเสริมจมูกแบบโอเพ่น” (Open Rhinoplasty) ซึ่งเป็นเทคนิคที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์เฉพาะทางโดยตรง
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับขั้นตอนการเสริมจมูกแบบโอเพ่นอย่างละเอียด พร้อมคำแนะนำที่ควรรู้ก่อนและหลังการผ่าตัด เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
หัวข้อ
การเสริมจมูกแบบโอเพ่น คืออะไร?
การเสริมจมูกแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty) เป็นการเปิดแผลผ่าตัดบริเวณฐานจมูก (ระหว่างรูจมูกทั้งสองข้าง) และยกหนังจมูกขึ้นเพื่อเปิดเผยโครงสร้างภายในอย่างชัดเจน วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น ฐานจมูกเบี้ยว ปลายจมูกเชิด จมูกสั้น หรือผู้ที่เคยเสริมจมูกมาแล้วและต้องการแก้ไข โดยแพทย์สามารถมองเห็นทุกส่วนของโครงสร้างจมูกได้อย่างละเอียดและปรับแต่งได้ตรงจุด
ขั้นตอนการเสริมจมูกแบบโอเพ่น
1. การประเมินและวางแผนการผ่าตัด
ก่อนเริ่มการรักษา แพทย์จะทำการวิเคราะห์สัดส่วนใบหน้า โครงสร้างกระดูก และปัญหาที่ต้องการแก้ไข พร้อมสอบถามความต้องการของคนไข้เพื่อวางแผนรูปทรงจมูกที่เหมาะสมที่สุดกับโครงหน้า และอธิบายขั้นตอนการผ่าตัดให้เข้าใจอย่างละเอียด
2. การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
คนไข้ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อให้การผ่าตัดปลอดภัยและแผลหายดี เช่น
- งดอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด (วิตามิน E, น้ำมันปลา ฯลฯ)
- งดแอลกอฮอล์และบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- ตรวจร่างกายเบื้องต้นตามคำแนะนำ
3. ขั้นตอนการผ่าตัด
แพทย์จะเปิดแผลเล็กบริเวณฐานจมูก จากนั้นค่อย ๆ ยกผิวหนังเพื่อเปิดเผยโครงสร้างภายใน แล้วปรับแต่งจมูกให้ได้รูปทรงที่ต้องการ ซึ่งอาจรวมถึง
- การจัดเรียงกระดูกอ่อนใหม่
- การเสริมโครงสร้างจมูกด้วยวัสดุ เช่น ซิลิโคน, กระดูกอ่อนหลังหู, หรือกระดูกซี่โครง
- การยืดปลายจมูกหรือปรับฐานจมูกเพื่อความสมดุล
เทคนิคโอเพ่นช่วยให้แพทย์สามารถวางวัสดุและปรับจมูกให้รับกับใบหน้าได้แม่นยำมากขึ้น
4. การเย็บแผลและตกแต่งทรงจมูก
เมื่อโครงสร้างภายในได้รับการปรับแต่งเรียบร้อย แพทย์จะเย็บแผลอย่างประณีต พร้อมปรับปลายจมูกให้กลมกลืนกับรูปหน้า จากนั้นจะติดเฝือกพยุงจมูก (Nasal Splint) เพื่อคงรูปทรงและป้องกันการเคลื่อนตัวของโครงสร้างใหม่
5. การดูแลหลังผ่าตัด
ช่วงหลังการผ่าตัด 1–2 สัปดาห์แรกถือเป็นช่วงสำคัญ คนไข้ควรดูแลตนเองอย่างเคร่งครัดตามคำแนะนำ เช่น
- ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมใน 48 ชม. แรก
- งดการสัมผัสหรือกระแทกจมูก
- งดออกกำลังกายหนัก งดว่ายน้ำ
- นอนศีรษะสูงเพื่อลดบวม
- ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำเกลือและยาตามแพทย์สั่ง
6. การติดตามผลหลังผ่าตัด
แพทย์จะนัดเพื่อตรวจแผลในช่วง 7–14 วันแรก และติดตามผลในระยะ 1–3 เดือน เพื่อดูว่ารูปทรงจมูกเข้าที่ดีหรือไม่ หากมีอาการผิดปกติ เช่น บวมแดงมากผิดปกติ มีหนอง หรือจมูกผิดรูป ควรรีบพบแพทย์ทันที
การเลือกรูปทรงจมูกที่เข้ากับใบหน้า
จมูกที่สวยไม่ได้หมายถึงโด่งอย่างเดียว แต่ต้อง รับกับใบหน้าโดยรวม หลักการออกแบบที่นิยมใช้คือ อัตราส่วน 1:1:1 โดยแบ่งจากหน้าผากถึงจมูก / จมูกถึงคาง ให้มีความยาวใกล้เคียงกัน
- ความยาวจมูก: ควรอยู่ที่ 1 ใน 3 ของความยาวใบหน้า
- องศาของจมูก: มุมระหว่างจมูกกับริมฝีปากควรอยู่ที่ 90–105 องศา
- ใบหน้าเรียวยาว: ควรเลือกปลายจมูกที่พุ่งเล็กน้อย
- ใบหน้ากลม: เลือกทรงสโลปธรรมชาติเพื่อให้ดูละมุนขึ้น
สรุป
การเสริมจมูกแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty) เป็นเทคนิคที่ช่วยให้แพทย์สามารถปรับโครงสร้างจมูกได้ละเอียดและแม่นยำ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาโครงสร้างจมูก ซิลิโคนเอียง เคยเสริมจมูกมาแล้ว หรือผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่สวยเป็นธรรมชาติในระยะยาว โดยมีขั้นตอนที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์และการดูแลตนเองอย่างใกล้ชิด
หากคุณกำลังวางแผนเสริมจมูกและต้องการผลลัพธ์ที่ตรงใจ เทคนิคโอเพ่นอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด — อย่าลืมปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อประเมินโครงหน้าและวางแผนอย่างเหมาะสมก่อนตัดสินใจนะคะ
ติดต่อเรา
- Facebook : Pmed Clinic พีเมด คลินิก
- LINE : PMED Clinic
- Youtube : PMED Clinic
- Instagram : PMED Clinic
- เว็บไซต์ : pmedclinic.com
- แผนที่ : PMED Clinic
