ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนเกิดจากอะไร? อันตรายไหม? พร้อมวิธีแก้ไข

ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนเกิดจากอะไร? อันตรายไหม? พร้อมวิธีแก้ไข
ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน

ปัญหาของการฉีดฟิลเลอร์ที่หลายคนเจอและทำให้กังวลไม่น้อยก็คือ ฟิลเลอร์เป็นก้อน จับแล้วแข็ง หรือดูเป็นไตใต้ผิว แทนที่หน้าจะดูเนียนสวยกลับกลายเป็นดูผิดรูปจนเสียความมั่นใจ ปัญหานี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง ฟิลเลอร์ไม่ได้คุณภาพ หรือฉีดในตำแหน่งที่ผิดชั้นผิว บางคนพอเจอปัญหานี้แล้วก็เครียด ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง หรือกลัวว่าจะแก้ไม่ได้ ถ้าคุณกำลังเผชิญกับปัญหานี้ ไม่ต้องกังวลไป มาดูกันว่าฟิลเลอร์เป็นก้อนเกิดจากอะไร อันตรายแค่ไหน และต้องแก้ยังไงให้กลับมาเนียนสวยได้อีกครั้งกันครับ

สาเหตุที่ทำให้ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน

ใช้ฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน

  • ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพต่ำหรือไม่ได้มาตรฐาน อาจมีเนื้อสัมผัสที่หนืดเกินไป ทำให้กระจายตัวไม่ดีและจับตัวเป็นก้อนใต้ผิวหนัง
  • ฟิลเลอร์ที่ไม่ใช่ Hyaluronic Acid (HA) แท้ เช่น ซิลิโคนเหลวหรือฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร อาจไม่สามารถสลายได้เองและทำให้เกิดพังผืดแข็งตัวใต้ผิว
  • การใช้ฟิลเลอร์ของปลอมยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการอักเสบ ติดเชื้อ และเกิดผลข้างเคียงในระยะยาว ซึ่งอาจต้องผ่าตัดออกเท่านั้น

เทคนิคการฉีดที่ผิดพลาด

  • หากฉีดฟิลเลอร์ผิดตำแหน่งเช่นฉีดตื้นเกินไป อาจทำให้ฟิลเลอร์ดันขึ้นมาบนผิวและเห็นเป็นก้อนชัดเจน
  • การฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณมากเกินไปในจุดเดียว อาจทำให้สารเติมเต็มรวมตัวกันเป็นก้อนแข็ง และทำให้หน้าดูไม่เป็นธรรมชาติ
  • แพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์หรือใช้เทคนิคที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้ฟิลเลอร์ไม่กระจายตัวดีพอ ส่งผลให้เกิดเป็นก้อนหรือทำให้ใบหน้าผิดรูป

ร่างกายตอบสนองต่อฟิลเลอร์ผิดปกติ

  • บางคนอาจมีปฏิกิริยาต่อฟิลเลอร์ ทำให้ร่างกายสร้างพังผืดหรือเกิดการอักเสบใต้ผิวหนัง ส่งผลให้ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อน
  • ภูมิคุ้มกันของร่างกายอาจมองว่าสารฟิลเลอร์เป็นสิ่งแปลกปลอมและสร้างพังผืดมาห่อหุ้ม ทำให้บริเวณที่ฉีดดูแข็งเป็นไต
  • อาการเหล่านี้พบได้บ่อยในฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือในผู้ที่มีแนวโน้มเกิดพังผืดง่ายจากพันธุกรรม

ฉีดฟิลเลอร์ซ้ำในจุดเดิมโดยไม่สลายของเก่า

  • ฟิลเลอร์บางชนิดมีอายุการใช้งานนาน หากฉีดซ้ำโดยไม่ได้ทำการสลายของเก่าก่อน อาจทำให้เกิดการสะสมและจับตัวเป็นก้อน
  • การฉีดฟิลเลอร์ทับในจุดเดิมโดยไม่ได้ประเมินปริมาณที่เหลืออยู่ อาจทำให้เนื้อฟิลเลอร์รวมตัวกันเป็นชั้นหนา และทำให้ใบหน้าดูบวมไม่เป็นธรรมชาติ
  • ปัญหานี้มักเกิดในบริเวณที่ต้องใช้ฟิลเลอร์ปริมาณมากเช่น ใต้ตา ขมับ หรือร่องแก้ม ซึ่งควรมีการสลายหรือปรับปริมาณให้เหมาะสมก่อนเติมใหม่

พฤติกรรมหลังฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ถูกต้อง

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ไม่ควรนวดหน้าแรงๆ หรือกดทับบริเวณที่ฉีด เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวผิดตำแหน่งและรวมกันเป็นก้อน
  • การออกกำลังกายหนัก หรือสัมผัสความร้อนสูงเช่น ซาวน่า อบไอน้ำ หรือโดนแดดจัด อาจทำให้ฟิลเลอร์ละลายผิดรูปและทำให้ใบหน้าดูไม่เรียบเนียน
  • ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังฉีด เพื่อให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวและกระจายตัวได้อย่างเหมาะสม

บทความน่ารู้ ฉีดไขมันหน้า อันตรายไหม เจาะลึก ข้อดี ข้อเสียของการฉีดไขมันหน้า

ฟิลเลอร์เป็นก้อนอันตรายไหม

ฟิลเลอร์ที่เป็นก้อนอาจไม่ใช่เรื่องอันตรายเสมอไปครับ แต่ถือว่าเป็น “สัญญาณผิดปกติ” ที่ไม่ควรมองข้าม เพราะโดยปกติแล้ว ฟิลเลอร์ของแท้ที่ฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะเรียบเนียน กลืนไปกับผิว ไม่จับตัวเป็นก้อน หากเกิดอาการเป็นก้อน แข็ง หรือคลำแล้วรู้สึกไม่เรียบ อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ใช้ฟิลเลอร์ปลอม ฉีดผิดชั้นผิว ฉีดมากเกินไป หรือมีพังผืดเกิดขึ้นรอบฟิลเลอร์

หากปล่อยไว้อาจทำให้รูปหน้าเพี้ยน อักเสบ หรือมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ในระยะยาว แนะนำให้เข้าพบแพทย์เพื่อประเมินว่าเป็นก้อนที่อันตรายหรือไม่ และจำเป็นต้องฉีดสลายหรือขูดออกหรือเปล่าครับ

สาเหตุที่ทำให้ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน

ใช้ฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน

  • ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพต่ำหรือไม่ได้มาตรฐาน อาจมีเนื้อสัมผัสที่หนืดเกินไป ทำให้กระจายตัวไม่ดีและจับตัวเป็นก้อนใต้ผิวหนัง
  • ฟิลเลอร์ที่ไม่ใช่ Hyaluronic Acid (HA) แท้ เช่น ซิลิโคนเหลวหรือฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร อาจไม่สามารถสลายได้เองและทำให้เกิดพังผืดแข็งตัวใต้ผิว
  • การใช้ฟิลเลอร์ของปลอมยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการอักเสบ ติดเชื้อ และเกิดผลข้างเคียงในระยะยาว ซึ่งอาจต้องผ่าตัดออกเท่านั้น

เทคนิคการฉีดที่ผิดพลาด

  • หากฉีดฟิลเลอร์ผิดตำแหน่งเช่นฉีดตื้นเกินไป อาจทำให้ฟิลเลอร์ดันขึ้นมาบนผิวและเห็นเป็นก้อนชัดเจน
  • การฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณมากเกินไปในจุดเดียว อาจทำให้สารเติมเต็มรวมตัวกันเป็นก้อนแข็ง และทำให้หน้าดูไม่เป็นธรรมชาติ
  • แพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์หรือใช้เทคนิคที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้ฟิลเลอร์ไม่กระจายตัวดีพอ ส่งผลให้เกิดเป็นก้อนหรือทำให้ใบหน้าผิดรูป

ร่างกายตอบสนองต่อฟิลเลอร์ผิดปกติ

  • บางคนอาจมีปฏิกิริยาต่อฟิลเลอร์ ทำให้ร่างกายสร้างพังผืดหรือเกิดการอักเสบใต้ผิวหนัง ส่งผลให้ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อน
  • ภูมิคุ้มกันของร่างกายอาจมองว่าสารฟิลเลอร์เป็นสิ่งแปลกปลอมและสร้างพังผืดมาห่อหุ้ม ทำให้บริเวณที่ฉีดดูแข็งเป็นไต
  • อาการเหล่านี้พบได้บ่อยในฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือในผู้ที่มีแนวโน้มเกิดพังผืดง่ายจากพันธุกรรม

ฉีดฟิลเลอร์ซ้ำในจุดเดิมโดยไม่สลายของเก่า

  • ฟิลเลอร์บางชนิดมีอายุการใช้งานนาน หากฉีดซ้ำโดยไม่ได้ทำการสลายของเก่าก่อน อาจทำให้เกิดการสะสมและจับตัวเป็นก้อน
  • การฉีดฟิลเลอร์ทับในจุดเดิมโดยไม่ได้ประเมินปริมาณที่เหลืออยู่ อาจทำให้เนื้อฟิลเลอร์รวมตัวกันเป็นชั้นหนา และทำให้ใบหน้าดูบวมไม่เป็นธรรมชาติ
  • ปัญหานี้มักเกิดในบริเวณที่ต้องใช้ฟิลเลอร์ปริมาณมากเช่น ใต้ตา ขมับ หรือร่องแก้ม ซึ่งควรมีการสลายหรือปรับปริมาณให้เหมาะสมก่อนเติมใหม่

พฤติกรรมหลังฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ถูกต้อง

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ไม่ควรนวดหน้าแรงๆ หรือกดทับบริเวณที่ฉีด เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวผิดตำแหน่งและรวมกันเป็นก้อน
  • การออกกำลังกายหนัก หรือสัมผัสความร้อนสูงเช่น ซาวน่า อบไอน้ำ หรือโดนแดดจัด อาจทำให้ฟิลเลอร์ละลายผิดรูปและทำให้ใบหน้าดูไม่เรียบเนียน
  • ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังฉีด เพื่อให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวและกระจายตัวได้อย่างเหมาะสม

ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน กังวลว่ากี่วันจะหาย?

การฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ช่วยเติมเต็มและปรับรูปหน้าให้ดูสวยได้ดีเลยครับ แต่บางคนอาจเจอปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อน จับแล้วแข็ง ไม่เรียบเนียน ทำให้ขาดความมั่นใจ เกิดปัญหานี้ต้องใช้เวลากี่วันกว่าจะหาย? หรือควรรีบแก้ไขทันที

ฟิลเลอร์เป็นก้อน กี่วันถึงจะหาย?

1 – 3 วันแรกหลังฉีด: อาการบวมและฟิลเลอร์ยังไม่เซ็ตตัว
  • ในช่วง 24-72 ชั่วโมงแรก อาจรู้สึกว่าฟิลเลอร์เป็นก้อน นูน หรือแข็งเล็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
  • อาการบวมจากการฉีดมักทำให้รู้สึกว่าฟิลเลอร์ไม่เรียบ ซึ่งจะดีขึ้นเมื่ออาการบวมลดลง
  • วิธีดูแล: หลีกเลี่ยงการกด นวด หรือสัมผัสบริเวณที่ฉีด เพื่อป้องกันฟิลเลอร์เคลื่อนผิดตำแหน่ง
3 – 7 วันหลังฉีด: ฟิลเลอร์เริ่มเซ็ตตัว อาการบวมลดลง
  • ฟิลเลอร์จะเริ่มเข้าที่และกระจายตัวดีขึ้น ทำให้ความรู้สึกเป็นก้อนลดลง
  • หากยังมีก้อนเล็กๆ แต่อ่อนนุ่มลง ไม่ต้องกังวล เพราะร่างกายกำลังปรับตัว
  • วิธีดูแล: ควรดื่มน้ำมากๆ และหลีกเลี่ยงความร้อนสูง เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ หรือแสงแดดจัด เพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวได้ดี
1 – 2 สัปดาห์หลังฉีด: ฟิลเลอร์ควรเข้าที่แล้ว
  • อาการบวมควรหายสนิท และฟิลเลอร์ควรกลืนไปกับผิว
  • หากยังมีก้อนที่แข็งผิดปกติหรือจับแล้วเป็นไต ควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจสอบ
  • วิธีแก้ไข: แพทย์อาจใช้เทคนิคการนวดปรับ หรือใช้เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) สลายบางส่วน
2 สัปดาห์ – 1 เดือนหลังฉีด: ฟิลเลอร์ที่เป็นก้อนควรได้รับการแก้ไข
  • ฟิลเลอร์ควรเซ็ตตัวเรียบร้อย หากยังจับแล้วเป็นก้อนแข็ง อาจเกิดจากฟิลเลอร์ผิดตำแหน่งหรือเกิดพังผืด
  • ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือฉีดในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้เป็นก้อนถาวร
  • วิธีแก้ไข: หากฟิลเลอร์ไม่สามารถย่อยสลายเองได้ อาจต้องใช้วิธีฉีดสลายหรือผ่าตัดนำออก

บทความน่ารู้ เติมไขมันหน้า คืออะไร ฉีดแล้วเป็นยังไง รู้ก่อนเติมไขมันหน้าเด็ก

อาการที่อาจพบหลังฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน

1. อาการบวมและฟิลเลอร์เป็นก้อนชั่วคราว (หายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์)

  • ในช่วง 24-72 ชั่วโมงแรกหลังฉีดฟิลเลอร์อาจมีอาการบวม ตึง หรือจับแล้วรู้สึกเป็นก้อนเล็กๆ ใต้ผิว ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติของร่างกายต่อสารเติมเต็มที่เพิ่งถูกฉีดเข้าไป
  • ฟิลเลอร์บางชนิดมีลักษณะเป็นเจล เมื่อฉีดเข้าไปในชั้นผิว อาจต้องใช้เวลาให้สารกระจายตัวเข้ากับเนื้อเยื่อบริเวณนั้น อาการบวมและเป็นก้อนที่พบในช่วงแรกนี้จะค่อยๆ ลดลงเอง
  • หากก้อนที่พบเป็นเพียงอาการบวมชั่วคราว มักจะหายไปภายใน 7-14 วัน โดยไม่ต้องทำการแก้ไขเพิ่มเติม ฟิลเลอร์จะเริ่มเซ็ตตัวและกลมกลืนไปกับผิว
  • ในช่วงนี้ควรหลีกเลี่ยงการกด นวด หรือสัมผัสบริเวณที่ฉีดแรงๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ผิดตำแหน่ง

2. ฟิลเลอร์เป็นก้อนแข็ง จับแล้วไม่ยุบ (สัญญาณผิดปกติ อาจต้องแก้ไข)

  • หากฟิลเลอร์ยังจับแล้วเป็นก้อนแข็ง หรือรู้สึกเป็นไตใต้ผิวนานกว่า 2 สัปดาห์ อาจเป็นสัญญาณว่าฟิลเลอร์ไม่ได้กระจายตัวดีพอ
  • ปัญหานี้มักเกิดจากเทคนิคการฉีดที่ผิดพลาดเช่น ฉีดฟิลเลอร์ผิดชั้นผิว หรือฉีดฟิลเลอร์มากเกินไปในจุดเดียว ทำให้สารจับตัวกันแน่น
  • บางกรณีอาจเกิดจากร่างกายตอบสนองต่อฟิลเลอร์ผิดปกติ ส่งผลให้เกิดพังผืดหุ้มรอบฟิลเลอร์ ทำให้จับแล้วรู้สึกเป็นก้อนแข็ง
  • หากผ่านไปเกิน 1 เดือนและก้อนฟิลเลอร์ยังไม่ยุบ หรือมีอาการกดแล้วเจ็บ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อประเมินว่าควรทำการฉีดสลายหรือแก้ไขโดยวิธีอื่น

3. ฟิลเลอร์เป็นไต หรือเป็นคลื่นใต้ผิว (เกิดจากฟิลเลอร์กระจายตัวไม่ดี)

  • ฟิลเลอร์บางประเภท โดยเฉพาะชนิดที่มีเนื้อสัมผัสข้นหรือเหนียวมาก อาจกระจายตัวได้ไม่ดีพอหลังฉีด ทำให้เกิดไตเล็กๆ ใต้ผิว หรือเห็นเป็นคลื่นบนใบหน้า
  • ปัญหานี้มักเกิดขึ้นจากการฉีดในชั้นผิวที่ไม่เหมาะสมเช่น ฉีดตื้นเกินไป หรือฉีดในปริมาณมากเกินไปในบริเวณเดียวกัน ทำให้ฟิลเลอร์กระจายไม่สม่ำเสมอ
  • ผู้ที่มีผิวบางมากอาจเห็นคลื่นของฟิลเลอร์ชัดกว่าปกติ โดยเฉพาะบริเวณใต้ตา หน้าผาก หรือร่องแก้ม
  • หากพบปัญหานี้ แพทย์อาจใช้วิธีนวดปรับฟิลเลอร์ หรือฉีดเอนไซม์สลายบางส่วนเพื่อให้เนื้อฟิลเลอร์กระจายตัวดีขึ้น

4. ฟิลเลอร์เป็นก้อนและบวมแดง อักเสบ (อันตราย ควรพบแพทย์ทันที)

  • หากหลังฉีดฟิลเลอร์มีอาการบวมแดง กดแล้วเจ็บ หรือมีไข้ร่วมด้วย อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
  • การติดเชื้อจากฟิลเลอร์อาจเกิดจากเครื่องมือที่ไม่สะอาด ฟิลเลอร์ที่ไม่มีคุณภาพ หรือการฉีดในสถานที่ที่ไม่ได้มาตรฐาน
  • อาการติดเชื้อมักเกิดขึ้นภายใน 3-7 วันหลังฉีดและอาจมีอาการรุนแรงขึ้นหากไม่ได้รับการรักษา
  • หากปล่อยไว้ ฟิลเลอร์ที่ติดเชื้ออาจเกิดเป็นหนองหรือพังผืดใต้ผิวหนัง ซึ่งในบางกรณีอาจต้องผ่าตัดออก
5. ฟิลเลอร์เป็นก้อนและแข็งตัวถาวร (มักเกิดจากฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถสลายได้เอง)
  • ฟิลเลอร์ที่เป็นก้อนและไม่สามารถหายไปเอง อาจเกิดจากการใช้ฟิลเลอร์ประเภทที่ไม่สามารถสลายได้ เช่นซิลิโคนเหลวหรือฟิลเลอร์ปลอม
  • ฟิลเลอร์แท้ที่เป็น Hyaluronic Acid (HA) จะสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ หรือสามารถฉีดเอนไซม์สลายได้ แต่หากเป็นฟิลเลอร์ปลอม มักจะแข็งตัวเป็นก้อนและไม่สามารถสลายเองได้
  • ปัญหานี้มักต้องใช้วิธีผ่าตัดนำฟิลเลอร์ออก เพราะฟิลเลอร์ชนิดนี้ไม่สามารถละลายได้ด้วยเอนไซม์
  • หากพบว่าฟิลเลอร์ที่ฉีดมาไม่สามารถละลายเองได้หรือมีอาการผิดปกติ ควรเข้ารับการตรวจโดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมแก้ไข

ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนแบบไหนที่อันตราย

การฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน อาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กๆ แต่จริงๆ แล้วบางกรณีอาจอันตรายกว่าที่คิดครับ! โดยเฉพาะถ้าก้อนฟิลเลอร์นั้น แข็งผิดปกติ และไม่ยุบลงภายใน 2-4 สัปดาห์ แถมยังมีอาการเจ็บ กดแล้วปวด หรือบวมแดงร่วมด้วย แบบนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่นอน ปัญหานี้มักเกิดจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์ชนิดที่ไม่สามารถสลายเองได้ เช่น ซิลิโคนเหลว ซึ่งนอกจากจะทำให้หน้าผิดรูปแล้ว ยังอาจเกิดพังผืด ติดเชื้อ หรืออักเสบหนักขึ้นจนต้องผ่าตัดออก ถ้าฟิลเลอร์เป็นก้อน บวมแดง หรือมีหนอง อย่ารอช้า ควรรีบพบแพทย์ให้ไวที่สุด เพราะยิ่งปล่อยไว้นาน อาการอักเสบก็จะยิ่งลุกลาม

อีกกรณีที่ต้องระวังมากๆ คือ ฟิลเลอร์ที่ฉีดผิดตำแหน่งและไปกดทับหลอดเลือด อาจทำให้เกิดอาการเขียวช้ำผิดปกติ หรือหนักสุดคือภาวะเนื้อตาย (Necrosis) ซึ่งหมายความว่าผิวบริเวณนั้นไม่ได้รับเลือดไปหล่อเลี้ยงจนทำให้เซลล์ตายถาวร และถ้าโชคร้ายกว่านั้น ฟิลเลอร์ที่ฉีดผิดตำแหน่งอาจไหลเข้าสู่เส้นเลือดที่เชื่อมไปยังดวงตา เสี่ยงถึงขั้นตาบอดได้เลย! ถ้ามีอาการผิวซีด ชาหรือเจ็บผิดปกติหลังฉีดฟิลเลอร์ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ควรนิ่งนอนใจ รีบพบแพทย์โดยด่วนเพื่อรักษาให้ถูกต้องก่อนที่จะสายเกินไปครับ

ตำแหน่งที่พบบ่อย ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนบวม

ปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนหรือบวมผิดปกติสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายตำแหน่งของใบหน้า ซึ่งบางจุดมีความเสี่ยงสูงกว่าจุดอื่น เนื่องจากลักษณะทางกายวิภาคของผิวหนังและโครงสร้างใบหน้าที่แตกต่างกัน โดยตำแหน่งที่พบบ่อยว่าฟิลเลอร์เป็นก้อนและเกิดอาการบวมมากกว่าปกติ ได้แก่ ใต้ตา ร่องแก้ม ขมับ คาง และจมูก ซึ่งแต่ละจุดมีสาเหตุที่แตกต่างกันและต้องได้รับการดูแลเฉพาะทาง

1. ใต้ตา – ฟิลเลอร์เป็นก้อน ช้ำง่าย และบวมยาวนาน

บริเวณใต้ตาเป็นจุดที่มีผิวบางและมีเส้นเลือดเยอะ หากฉีดฟิลเลอร์ผิดชั้นหรือใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะกับบริเวณนี้ อาจทำให้เกิดก้อนนูน หรือเป็นคลื่นใต้ผิวได้ง่าย นอกจากนี้ฟิลเลอร์ที่กระจายตัวไม่ดีอาจทำให้เกิดอาการบวมที่ยาวนานกว่าปกติ หรือทำให้ใต้ตาดูตุ่ยขึ้นแทนที่จะเรียบเนียน

2. ร่องแก้ม – ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อนหรือไหลผิดตำแหน่ง

ร่องแก้มเป็นจุดที่ต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสม หากฉีดมากเกินไป หรือฉีดลึกเกินไป อาจทำให้ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อนแข็ง หรือดูเป็นก้อนนูนผิดธรรมชาติ ฟิลเลอร์ที่ฉีดใกล้กล้ามเนื้ออาจเคลื่อนที่ผิดตำแหน่งเมื่อมีการขยับหน้า

3. ขมับ – ฟิลเลอร์กระจายไม่สม่ำเสมอ เกิดเป็นไตใต้ผิว

การฉีดฟิลเลอร์ขมับช่วยเติมเต็มให้ใบหน้าดูสมดุลขึ้น แต่หากฟิลเลอร์ไม่กระจายตัวดีพอ อาจทำให้เกิด ก้อนแข็งหรือเป็นไตใต้ผิวได้ เนื่องจากขมับเป็นบริเวณที่มีเนื้อเยื่อบาง และต้องใช้ฟิลเลอร์ที่มีความหนืดพอเหมาะเพื่อให้เข้ากับชั้นผิว

4. คาง – ฟิลเลอร์เป็นก้อนแข็ง หรือเกิดพังผืดในระยะยาว

การฉีดฟิลเลอร์คางมักใช้เพื่อเพิ่มความยาวของใบหน้า แต่หากฉีดมากเกินไปหรือเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีความแข็งตัวสูงเกินไป อาจทำให้เกิดก้อนแข็งผิดปกติ หรือในบางกรณีอาจเกิดพังผืดใต้ผิวในระยะยาว ทำให้คางแข็งผิดธรรมชาติ

5. จมูก – ฟิลเลอร์เป็นก้อน เสี่ยงต่อการอุดตันหลอดเลือด

จมูกเป็นอีกหนึ่งจุดที่มีความเสี่ยงสูงในการฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากมีหลอดเลือดสำคัญจำนวนมาก หากฉีดฟิลเลอร์ผิดตำแหน่ง อาจทำให้เกิดก้อนแข็งหรือฟิลเลอร์ไหลผิดรูปได้ง่าย หากฟิลเลอร์เข้าสู่หลอดเลือด อาจทำให้เกิดการอุดตันและส่งผลร้ายแรงเช่นเนื้อตายหรือในกรณีรุนแรงอาจทำให้ตาบอด

วิธีตรวจสอบฟิลเลอร์แท้ – ฟิลเลอร์ปลอม

สิ่งที่ต้องระวังที่สุดก็คือฟิลเลอร์ปลอม! หลายคนอาจเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับฟิลเลอร์ปลอมที่ฉีดแล้วหน้าพัง ติดเชื้อ หรือทำให้เกิดพังผืดถาวร ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นเพราะฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือบางครั้งอาจเป็นซิลิโคนเหลวที่หลอกขายเป็นฟิลเลอร์แท้ ดังนั้นก่อนจะฉีดฟิลเลอร์ต้องรู้จักวิธีตรวจสอบให้มั่นใจว่าเป็นของแท้ ปลอดภัย และไม่ทำร้ายใบหน้าในระยะยาว

5 วิธีตรวจสอบฟิลเลอร์แท้ก่อนฉีด เช็กให้ชัวร์!

1. ต้องเป็นฟิลเลอร์ที่ผ่าน อย. และมีเลขทะเบียนชัดเจน
  • ฟิลเลอร์แท้ที่ใช้ในไทยจะต้องได้รับการรับรองจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สามารถตรวจสอบเลขทะเบียนผลิตภัณฑ์ได้ผ่านเว็บไซต์ของ อย.
  • ฟิลเลอร์ทุกกล่องต้องมีเลขล็อต วันผลิต และวันหมดอายุ ที่ตรวจสอบได้จริง
  • หากคลินิกใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่มีเลข อย. หรือไม่มีข้อมูลผลิตภัณฑ์ ควรหลีกเลี่ยงทันที
2. เช็กบรรจุภัณฑ์และซีลต้องสมบูรณ์
  • ฟิลเลอร์แท้จะมาพร้อมกับบรรจุภัณฑ์ที่ปิดผนึกแน่นหนา ไม่ฉีกขาด ไม่มีรอยแกะมาก่อน
  • บนกล่องต้องมีชื่อแบรนด์ โลโก้ และรายละเอียดชัดเจน ตัวหนังสือไม่เลือนลางหรือผิดเพี้ยน
  • ทุกกล่องจะมี QR Code หรือ Serial Number สำหรับตรวจสอบแหล่งที่มาผ่านเว็บไซต์ของบริษัทผู้ผลิต
3. ต้องเปิดกล่องให้ดูต่อหน้า และมีสติกเกอร์บาร์โค้ดให้เช็ก
  • คลินิกที่ได้มาตรฐานจะเปิดกล่องฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้าก่อนฉีด เพื่อให้คนไข้มั่นใจว่าใช้ฟิลเลอร์แท้
  • ฟิลเลอร์แท้ทุกกล่องมีสติกเกอร์บาร์โค้ด (Sticker Seal) ติดอยู่บนไซริงค์ แสดงเลขล็อตและรายละเอียดของผลิตภัณฑ์
  • หากคลินิกใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูล หรือไม่ยอมเปิดกล่องให้ดู ควรตั้งข้อสงสัยว่าอาจเป็นของปลอม
4. ฟิลเลอร์แท้ต้องเป็น Hyaluronic Acid และสามารถฉีดสลายได้
  • ฟิลเลอร์แท้ที่เป็น Hyaluronic Acid (HA) สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ หรือฉีดสลายได้ด้วยเอนไซม์ Hyaluronidase
  • หากคลินิกแจ้งว่าฟิลเลอร์ที่ใช้ “ไม่สามารถฉีดสลายได้” หรือ “อยู่ถาวร” มีโอกาสสูงมากว่าเป็น ฟิลเลอร์ปลอม หรือสารแปลกปลอม เช่น ซิลิโคนเหลว
5. เลือกฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพ
  • คลินิกที่น่าเชื่อถือจะต้องมีใบอนุญาตประกอบกิจการจากกระทรวงสาธารณสุข และดำเนินการโดยแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพจริง
  • แพทย์ที่มีประสบการณ์จะสามารถแนะนำฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับแต่ละจุดบนใบหน้าได้ และจะไม่มีการใช้ฟิลเลอร์เถื่อนหรือของปลอมเด็ดขาด
  • หากพบว่าคลินิกมีราคาถูกผิดปกติ หรือไม่มีข้อมูลแพทย์ชัดเจน ควรหลีกเลี่ยง

วิธีแก้ปัญหาฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน

วิธีแก้ไขฟิลเลอร์เป็นก้อนมีอยู่หลายวิธี ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ และความรุนแรงของปัญหา ซึ่งหลักๆ มี 3 วิธี คือฉีดสลายฟิลเลอร์ ขูดฟิลเลอร์ และผ่าตัดฟิลเลอร์ออก แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน

1. ฉีดสลายฟิลเลอร์ – วิธีแก้ไขที่ง่ายและเห็นผลเร็ว

การฉีดสลายฟิลเลอร์เป็นวิธีที่นิยมใช้มากที่สุด โดยใช้เอนไซม์ Hyaluronidase (ไฮยาลูโรนิเดส) ฉีดเข้าไปบริเวณที่มีฟิลเลอร์เป็นก้อน เพื่อช่วยสลายและทำให้ฟิลเลอร์ละลายไปตามธรรมชาติ

เหมาะกับ:

  • ฟิลเลอร์แท้ที่เป็น Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งสามารถย่อยสลายได้
  • ฟิลเลอร์ที่ฉีดผิดตำแหน่ง หรือมีปัญหาจับตัวเป็นก้อน
  • ฟิลเลอร์ที่ทำให้หน้าดูผิดรูป ต้องการแก้ไขให้กลับมาเป็นธรรมชาติ

ข้อดี:

  • ทำได้ง่ายและรวดเร็ว ใช้เวลาเพียง 5-15 นาที
  • เห็นผลทันทีภายใน 24-48 ชั่วโมง ฟิลเลอร์จะเริ่มยุบและกระจายตัว
  • ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล และไม่ต้องพักฟื้น

ข้อจำกัด:

  • ไม่สามารถใช้กับฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์ถาวร เช่นซิลิโคนเหลว
  • อาจทำให้ฟิลเลอร์ในบริเวณรอบๆ ถูกสลายไปด้วย
  • อาจต้องฉีดซ้ำ 1-2 ครั้งหากฟิลเลอร์มีปริมาณมาก

2.ขูดฟิลเลอร์ – วิธีแก้ไขสำหรับฟิลเลอร์ที่เป็นก้อนแข็งหรือเป็นไตใต้ผิว

หากฉีดฟิลเลอร์ไปนานแล้วและพบว่าฟิลเลอร์เริ่มจับตัวเป็น ก้อนแข็ง หรือเกิดพังผืดใต้ผิว วิธีฉีดสลายอาจไม่ได้ผล การขูดฟิลเลอร์เป็นทางเลือกที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้

เหมาะกับ:

  • ฟิลเลอร์ที่ฉีดมาเป็นเวลานานจนเริ่มแข็งตัว
  • ฟิลเลอร์ที่เป็นไต หรือเกิดพังผืดใต้ผิว
  • ฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถฉีดสลายได้ทั้งหมด

ข้อดี:

  • เป็นวิธีที่ช่วยขจัดฟิลเลอร์ได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะฟิลเลอร์ที่เป็นก้อนแข็ง
  • ไม่ต้องฉีดเอนไซม์ซ้ำหลายครั้ง

ข้อจำกัด:

  • ต้องใช้วิธีเปิดแผลเล็กๆ เพื่อขูดเอาฟิลเลอร์ออก
  • อาจมีรอยช้ำหรือบวมหลังทำ ต้องใช้เวลาพักฟื้นเล็กน้อย
  • ไม่สามารถใช้กับฟิลเลอร์ที่ไหลผิดตำแหน่งลึกๆ ได้

3. ผ่าตัดฟิลเลอร์ออก – ทางเลือกสุดท้ายสำหรับฟิลเลอร์ปลอม หรือปัญหารุนแรง

ในกรณีที่ฟิลเลอร์เป็นซิลิโคนเหลวหรือฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถย่อยสลายได้เอง การฉีดสลายหรือขูดอาจไม่ได้ผล วิธีที่จำเป็นต้องใช้คือการผ่าตัดนำฟิลเลอร์ออก

เหมาะกับ:

  • ฟิลเลอร์ปลอม เช่น ซิลิโคนเหลว หรือสารเติมเต็มที่ไม่สามารถสลายได้
  • ฟิลเลอร์ที่ทำให้เกิดอาการอักเสบ ติดเชื้อ หรือมีพังผืดรุนแรง
  • ฟิลเลอร์ที่ไหลผิดตำแหน่ง และอยู่ลึกในชั้นผิว

ข้อดี:

  • สามารถกำจัดฟิลเลอร์ที่เป็นอันตรายออกไปได้ทั้งหมด
  • ลดความเสี่ยงจากอาการอักเสบเรื้อรัง หรือฟิลเลอร์ไหลผิดรูปในอนาคต

ข้อจำกัด:

  • เป็นวิธีที่ต้องผ่าตัด จึงมีระยะเวลาพักฟื้น
  • อาจเกิดรอยแผลเป็น หากต้องเปิดแผลในจุดที่สังเกตเห็นได้
  • ต้องทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน

วิธีป้องกันการฉีดฟิลเลอร์เป็นก้อน

ปัญหานี้สามารถหลีกเลี่ยงได้หากเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ถูกต้อง ฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมหลังทำ ในบทความนี้จะมาแนะนำวิธีป้องกันการฉีดฟิลเลอร์เป็นก้อน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียนและสวยงาม

1. เลือกฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน และฉีดฟิลเลอร์แท้เท่านั้น

ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพและผ่านการรับรองจากอย. (องค์การอาหารและยา)จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดก้อนแข็งหรือการอักเสบ ฟิลเลอร์แท้ที่ใช้กันในปัจจุบันควรเป็นประเภท Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งสามารถสลายเองได้ตามธรรมชาติและฉีดสลายได้หากต้องการแก้ไข

วิธีตรวจสอบฟิลเลอร์แท้:
✔ ฟิลเลอร์ต้องมีเลขทะเบียน อย. ไทย และสามารถตรวจสอบข้อมูลได้
✔ กล่องต้องมี สติกเกอร์บาร์โค้ดและซีลปิดสนิท
✔ ควรให้แพทย์เปิดกล่องให้ดูต่อหน้า ก่อนฉีดทุกครั้ง

หากพบว่าฟิลเลอร์ที่ใช้ไม่มีเลข อย. หรือราคาถูกผิดปกติอย่าฉีดเด็ดขาด เพราะอาจเป็นฟิลเลอร์ปลอมหรือสารเติมเต็มที่อันตราย

2. ฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น

หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ฟิลเลอร์เป็นก้อนเกิดจากเทคนิคการฉีดที่ผิดพลาด เช่น

  • ฉีดตื้นเกินไป ทำให้ฟิลเลอร์ดันตัวขึ้นมาเป็นก้อนนูน
  • ฉีดในปริมาณมากเกินไปในจุดเดียว ทำให้ฟิลเลอร์กระจุกตัว
  • ฉีดผิดชั้นผิว ทำให้เกิดก้อนแข็งหรือฟิลเลอร์ไหลผิดตำแหน่ง

แพทย์ที่มีประสบการณ์จะรู้ว่าควรใช้ฟิลเลอร์ชนิดไหนกับบริเวณไหน ควรฉีดลึกแค่ไหน และต้องใช้ปริมาณเท่าไหร่จึงจะได้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียนเป็นธรรมชาติ

3. ใช้ฟิลเลอร์ที่เหมาะกับแต่ละจุดของใบหน้า

ฟิลเลอร์แต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน บางชนิดมีเนื้อเหลว บางชนิดมีเนื้อแข็ง และถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับจุดที่ฉีด หากใช้ฟิลเลอร์ผิดประเภท อาจทำให้เกิดก้อนแข็งหรือไตใต้ผิวได้

ตัวอย่างฟิลเลอร์ที่เหมาะกับแต่ละจุด
ใต้ตา – ควรใช้ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มและกระจายตัวได้ดี เพื่อลดโอกาสเป็นก้อน
ร่องแก้ม – ควรใช้ฟิลเลอร์ที่มีความคงตัวปานกลาง เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ
คางและกรอบหน้า – ควรใช้ฟิลเลอร์ที่มีเนื้อแข็งและคงตัวสูง เพื่อให้โครงหน้าชัดเจน

หากแพทย์เลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับจุดที่ฉีด ปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนจะลดลงอย่างมาก

4. อย่าฉีดฟิลเลอร์ซ้ำทับเก่าก่อนที่ของเดิมจะสลายหมด

หลายคนต้องการเติมฟิลเลอร์เพิ่มเพื่อให้ผลลัพธ์ชัดขึ้น แต่ถ้าฉีดซ้ำในบริเวณที่ฟิลเลอร์เก่ายังไม่สลายหมด อาจทำให้เกิดการสะสมและ จับตัวเป็นก้อนแข็งใต้ผิวได้

ควรเว้นระยะห่างของการฉีดแต่ละครั้งให้เหมาะสม และหากต้องการเติมเพิ่ม ควรให้แพทย์ตรวจประเมินก่อนว่าฟิลเลอร์เดิมย่อยสลายไปมากน้อยแค่ไหน

5. ดูแลตัวเองให้ถูกต้องหลังฉีดฟิลเลอร์

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวผิดตำแหน่ง หรือจับตัวเป็นก้อน เช่น

  • หลีกเลี่ยงการกดหรือบีบแรงๆ บริเวณที่ฉีดในช่วง 48 ชั่วโมงแรก
  • ดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวได้ดีและคงรูปสวยงาม
  • เลี่ยงความร้อนสูง เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ หรือออกกำลังกายหนัก ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก
  • หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหรือเอียงหน้าในช่วงแรก เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนผิดตำแหน่ง

การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวดีขึ้น และลดโอกาสเกิดก้อนแข็งใต้ผิว

สรุป

การฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุเช่น ฉีดผิดชั้นผิว ฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน หรือปฏิกิริยาของร่างกายต่อฟิลเลอร์ หากเป็นฟิลเลอร์แท้ที่ผ่าน อย. อาการบวมและเป็นก้อนมักจะเป็นเพียงอาการชั่วคราวและสามารถหายเองได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่หากฟิลเลอร์เป็นก้อนแข็งผิดปกติ ไม่กระจายตัว หรือมีอาการบวมแดง อักเสบ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจสอบ เพราะอาจเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์ที่ฉีดผิดตำแหน่งจนไปกดทับหลอดเลือด ซึ่งอาจส่งผลร้ายแรงต่อใบหน้า

วิธีแก้ไขฟิลเลอร์เป็นก้อนขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และระดับความรุนแรงของปัญหา หากเป็นฟิลเลอร์แท้ (Hyaluronic Acid) สามารถฉีดสลายด้วยเอนไซม์ Hyaluronidase เพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์ละลายและกลับมาเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าฟิลเลอร์เป็นก้อนแข็ง หรือเกิดพังผืดใต้ผิว อาจต้องใช้วิธีขูดฟิลเลอร์หรือผ่าตัดฟิลเลอร์ออก โดยเฉพาะกรณีที่ใช้ฟิลเลอร์ปลอมเช่นซิลิโคนเหลวซึ่งไม่สามารถฉีดสลายได้ ดังนั้น การป้องกันที่ดีที่สุดคือเลือกฉีดฟิลเลอร์แท้ ฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ และปฏิบัติตามคำแนะนำหลังฉีดอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยเป็นธรรมชาติและปลอดภัยสูงสุดครับ

สนใจปลูกผมถาวร : 42G Clinic ปลูกผม

หมวดหมู่ : ทั่วไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

pmed clinic6
การเสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนซี่โครงคืออะไร? ปลอดภัยแค่ไหน เหมาะกับใคร?
ในโลกของศัลยกรรมจมูกในปัจจุบัน การเสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนซี่โครง (Rib Cartilage Nose Augmentation) ถ...
การเติมไขมันหน้าเทียบกับการฉีดสเต็มเซลล์
เติมไขมันหน้ากับการฉีดสเต็มเซลล์ ต่างกันอย่างไร?
ในยุคปัจจุบันที่ความงามและความอ่อนเยาว์กลายเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญมากขึ้น เพราะฉะนั้นการเลือกว...
เสริมจมูกไร้ซิลิโคน
เสริมจมูกไร้ซิลิโคนคืออะไร อันตรายไหม ช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง?
สำหรับใครที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการเสริมจมูกและอยากรู้ว่าเสริมจมูกแบบไม่ใช้ซิลิโคนคืออะไร หมอจะมาอ...
การเตรียมตัวก่อนเติมไขมันหน้าเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ปลอดภัย และเป็นธรรมชาติมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสุขภาพเบื้องต้น การปฏิบัติตัวก่อนการผ่าตัด หรือการวางแผนดูแลตัวเองหลังเติมไขมัน ทุกขั้นตอนล้วนมีความสำคัญต่อความสำเร็จของกระบวนการเติมไขมันหน้า
เคล็ดลับในการเตรียมตัวก่อนเติมไขมันหน้า
หมอเข้าใจว่าหลายๆท่านที่สนใจการฉีดไขมันหน้าอาจมีคำถามหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับกระบวนการนี้ วันนี้หมอจะมา...
ฉีดไขมันหน้าเด็ก
ฉีดไขมันหน้าเด็กคืออะไร? พร้อมขั้นตอนการฉีดไขมันหน้าเด็ก
การคงความอ่อนเยาว์ของใบหน้าไม่จำเป็นต้องพึ่งพาแค่สารเติมเต็มสังเคราะห์เสมอไป หนึ่งในวิธีที่ให้ผลลัพธ...
11 เรื่องควรรู้ ก่อนเติมไขมันหน้า ตอบทุกข้อสงสัยเรื่องเติมไขมันหน้าเด็ก (อัพเดต 2025)
11 เรื่องควรรู้ ก่อนเติมไขมันหน้า ตอบทุกข้อสงสัยเรื่องเติมไขมันหน้า (อัพเดต 2025)
สวัสดีครับวันนี้หมอจะมาอธิบายเกี่ยวกับการเติมไขมันหน้าซึ่งเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุ...