เติมไขมันหน้ากับการฉีดสเต็มเซลล์ ต่างกันอย่างไร?

การเติมไขมันหน้าเทียบกับการฉีดสเต็มเซลล์

ฉีดไขมันหน้ากับการฉีดสเต็มเซลล์ ต่างกันอย่างไร?

การเติมไขมันหน้าเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการเติมเต็มในพื้นที่ที่ต้องการปริมาณมาก เช่น ร่องแก้ม ขมับ หรือใบหน้าส่วนกลางที่ดูตอบลง เนื่องจากไขมันที่ฉีดเข้าไปสามารถเพิ่มมิติและความอิ่มเอิบได้อย่างชัดเจน ขณะที่การฉีดสเต็มเซลล์เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูเซลล์ผิวในระดับลึก เช่น ลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ หรือฟื้นฟูความกระชับและความเรียบเนียนของผิว

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเติมไขมัน: Pmed Clinic เติมไขมันหน้า

หัวข้อ

ฉีดไขมันหน้า (Fat Grafting)

ฉีดสเต็มเซลล์ (Stem Cell Injection)

สิ่งที่ใช้ฉีด

ไขมันส่วนเกินจากร่างกายซึ่งในเซลล์ไขมันจะเซลล์ต้นกำเนิดในนั้นด้วย

สเต็มเซลล์จากแหล่งต่าง ๆ เช่น รก หรือ ไขสันหลัง

วิธีการฉีด

ฉีดไขมันในบริเวณที่ต้องการเติมเต็ม

ฉีดสเต็มเซลล์เพื่อกระตุ้นการฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์

ปริมาณของสเต็มเซลล์ที่ฉีด

มีปริมาณของสเต็มเซลล์จำนวนมากขึ้นอยู่กับปริมาณที่ต้องการใช้ สามารถดูดไขมันได้

มีปริมาณสเต็มเซลล์ค่อนข้างน้อยซึ่งจำเป็นต้องเพาะเลี้ยงในห้องแล็บเพื่อเพิ่มจำนวนสำหรับความต้องการใช้

ราคา

มีค่าใช้จ่ายปานกลาง เนื่องจากใช้ไขมันของตัวเอง

ราคาสูงเพราะกระบวนการสกัดซับซ้อน

ระยะเวลาที่เห็นผล

เห็นผลเบื้องต้นใน 1-2 สัปดาห์

ไม่สามารถเห็นผลชัดเจนได้

ข้อดี

เติมเต็มรูปหน้า บำรุงผิว และสร้างมิติให้ใบหน้า

กระตุ้นการฟื้นฟูผิวในระดับลึก เสริมสร้างคอลลาเจน

ข้อเสีย

ต้องใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการทำเนื่องจากไขมันเป็นเซลล์ที่บอบบาง ขั้นตอนในการนำมาใช้เพื่อเติมมีความซับซ้อนเพื่อป้องกันความเสียหาย

เนื่องจากการฉีดสเต็มเซลล์เป็นการฉีดผ่านทางเส้นเลือดเพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอทำให้ไม่สามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจน

ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน

อยู่ได้นาน 3-10 ปี (ขึ้นอยู่กับการดูแล)

ไม่สามารถเห็นผลได้ชัดเจน

ความปลอดภัย

ไขมันตัวเองมาจากร่างกายตนเอง จึงมีความปลอดภัยสูง

เนื่องจากแหล่งที่มาไม่ชัดเจนและต้องทำการเพาะเลี้ยงในห้องแล็บเพิ่มเติมจึงเป็นข้อถกเถียงถึงความเสี่ยงจากการฉีดเซลล์ที่อาจพบว่ามีเซลล์ที่มีความเสี่ยงจากการเป็นมะเร็งร่วมด้วยเข้าสู่ร่างกาย

ฉีดไขมันหน้าคืออะไร มีกี่แบบ?

การฉีดไขมันหน้า หรือ Fat Grafting คือหัตถการที่นำไขมันจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นขา หรือสะโพก มาผ่านกระบวนการสกัดแยกและเตรียมให้บริสุทธิ์ ก่อนฉีดกลับเข้าสู่ใบหน้าเพื่อช่วยเติมเต็มร่องลึก เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม หรือขมับ การฉีดไขมันหน้ายังช่วยปรับรูปหน้า เพิ่มความอ่อนเยาว์ และช่วยให้ผิวหน้าดูสดใส สุขภาพดีมากยิ่งขึ้น

รูปแบบของการฉีดไขมันหน้า

  1. ฉีดไขมันแบบดั้งเดิม (Traditional Fat Grafting):
    สำหรับการฉีดไขมันหน้าแบบดั้งเดิม (Traditional Fat Grafting) จะเน้นการใช้ไขมันปริมาณมากในพื้นที่ที่ต้องการความอิ่มเอิบ เช่น แก้มตอบหรือร่องลึก ส่วนการฉีดไขมันแบบ Micro Fat Grafting เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น ใต้ตา เทคนิคนี้ให้ผลลัพธ์ที่ละเอียดและเป็นธรรมชาติที่สุด
  2. ฉีดไขมันแบบผสม Growth Factor:
    ในการฉีดไขมันแบบนี้ จะผสมสารกระตุ้นการเจริญเติบโต (Growth Factor) ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสให้เซลล์ไขมันที่ฉีดเข้าไปยึดติดได้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูเซลล์ผิวให้ดูสดใส อิ่มเอิบ และมีความชุ่มชื้น

การฉีดไขมันหน้า ใช้ไขมันส่วนใดในร่างกาย?

การฉีดไขมันหน้าใช้ไขมันที่ดูดมาจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยแพทย์จะเลือกบริเวณที่มีไขมันสะสมมาก และเนื้อเยื่อไขมันมีคุณภาพสูง เช่น:

  1. ต้นขาด้านในและต้นขาด้านนอก:
    เนื้อไขมันบริเวณนี้มีความแน่นหนาและเหมาะสำหรับการปลูกถ่ายไขมัน ทำให้สามารถเก็บไขมันได้ในปริมาณมาก เป็นไขมันที่มีคุณภาพสูง ผังผืดต่ำ มีความละเอียดสูงและได้เซลล์จำนวนมาก
  2. หน้าท้อง:
    เป็นแหล่งไขมันมีความนิยมเช่นกัน เนื่องจากสามารถดูดไขมันได้ในปริมาณมากโดยไม่กระทบต่อความสมดุลของร่างกาย แต่มีข้อเสีย คือ มีผังผืดค่อนข้างสูง ทำให้การเตรียมยากขึ้นและได้คุณภาพน้อยกว่า
  3. สะโพกหรือเอว:
    บริเวณนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ไขมันในปริมาณมาก เช่น การเติมเต็มบริเวณใบหน้าหลายจุด เหมาะสำหรับคนที่มีไขมันบริเวณนี้จำนวนมากและต้องการเอาออก

หลังจากดูดไขมันมาแล้ว ไขมันจะถูกนำมาสกัดผ่านกระบวนการที่สะอาดและปลอดเชื้อ เพื่อเตรียมให้ไขมันพร้อมสำหรับการฉีด

ฉีดไขมันหน้าช่วยอะไร?

การฉีดไขมันหน้าเป็นวิธีการที่ไม่เพียงแต่ช่วยเติมเต็มบริเวณใบหน้า แต่ยังช่วยฟื้นฟูผิวในระยะยาว ดังนี้:

  1. เติมเต็มร่องลึก:
    เช่น ร่องแก้ม ร่องใต้ตา และขมับ ช่วยให้ใบหน้าดูอิ่มเอิบและสดใส
  2. ปรับรูปหน้าให้สมดุล:
    เติมเต็มแก้มตอบ หรือปรับมิติใบหน้าให้ดูเรียวและสมส่วน
  3. เพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวนุ่ม:
    ไขมันที่ฉีดเข้าไปมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดี
  4. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน:
    ไขมันที่ฉีดเข้าไปจะกระตุ้นการฟื้นฟูเซลล์ผิวในระดับลึก ทำให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์และยืดหยุ่นมากขึ้น
  5. ลดเลือนริ้วรอย:
    การฉีดไขมันช่วยเติมเต็มและลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า เช่น รอยตีนกา
  6. ทำให้รูขุมชนแคบลง: เนื่องจากการทำงานของสเต็มเซลล์ที่เพิ่มจำนวนเซลล์ทำให้รูขุมขนแคบลง
  7. ฝ้า กระ จุดด่างดำลดลง: เนื่องจากสเต็มเซลล์เข้าไปแทนที่เซลล์แก่ที่บริเวณผิวหนัง

ข้อดีของการฉีดไขมันหน้า

  1. ปลอดภัยสูง:
    เนื่องจากใช้ไขมันของตัวเอง ไม่มีความเสี่ยงต่อการแพ้หรือการต่อต้านจากร่างกาย
  2. ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ:
    ใบหน้าดูอิ่มเอิบและสมดุล ผลลัพธ์ที่ได้เข้ากับโครงหน้าเดิมได้อย่างดี
  3. ช่วยฟื้นฟูผิวในระยะยาว:
    ไขมันที่ฉีดเข้าไปไม่เพียงแต่เติมเต็ม แต่ยังช่วยบำรุงผิวในระยะยาว
  4. แก้ปัญหาได้หลากหลาย:
    เช่น เติมร่องลึก ปรับมิติใบหน้า หรือช่วยเพิ่มความอ่อนเยาว์

ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน:
ไขมันที่ติดในบริเวณใบหน้าจะคงอยู่ได้นานถึง 3-10 ปี หากได้รับการดูแลที่เหมาะสม

ฉีดไขมันหน้าอันตรายไหม?

การฉีดไขมันหน้าเป็นวิธีที่ปลอดภัยมากหากดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม อาจมีความเสี่ยงเล็กน้อยในบางกรณี เช่น:

  1. การติดเชื้อ:
    อาจเกิดขึ้นหากขั้นตอนการฉีดไม่สะอาดหรือไม่มีการดูแลหลังทำที่เหมาะสม
  2. ไขมันไม่ติด:
    ซึ่งอาจเกิดจากการเตรียมหรือการฉีดด้วยเทคนิกที่ไม่ถูกต้อง 
  3. การเกิดก้อนไขมัน:
    เกิดจากการฉีดไขมันที่ไม่ถูกต้องหรือฉีดในปริมาณที่มากเกินไป

ดังนั้น การเลือกคลินิกและทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

ฉีดสเต็มเซลล์คืออะไร มีกี่ประเภท?

การฉีดสเต็มเซลล์ หรือที่เรียกว่า Stem Cell Therapy เป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในด้านความงามและการฟื้นฟูเซลล์ผิว โดยสเต็มเซลล์เป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่มีคุณสมบัติพิเศษ สามารถแบ่งตัวและเปลี่ยนเป็นเซลล์ชนิดต่าง ๆ ได้ในร่างกาย ซึ่งหมายความว่าสเต็มเซลล์สามารถเข้าไปฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมโทรมหรือเสียหาย รวมถึงช่วยสร้างเซลล์ใหม่ในบริเวณที่ต้องการ

ประเภทของสเต็มเซลล์ที่ใช้ในด้านความงาม

  1. สเต็มเซลล์จากไขมัน (Adipose-Derived Stem Cells):
    สกัดจากไขมันส่วนเกินในร่างกาย เช่น หน้าท้องหรือสะโพก สเต็มเซลล์ชนิดนี้มีปริมาณเซลล์ต้นกำเนิดสูง และเหมาะสำหรับการฟื้นฟูผิวหน้าให้ดูสดใส
  2. สเต็มเซลล์จากเลือด (PRP – Platelet Rich Plasma):
    สกัดจากเลือดของผู้เข้ารับบริการ โดยใช้กระบวนการปั่นแยกเพื่อเพิ่มความเข้มข้นของเกล็ดเลือด PRP มีคุณสมบัติในการกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
  3. สเต็มเซลล์จากไขกระดูก (Bone Marrow-Derived Stem Cells):
    สกัดจากไขกระดูก มีความสามารถในการสร้างเซลล์และฟื้นฟูเนื้อเยื่ออย่างล้ำลึก
  4. สเต็มเซลล์จากพืช (Plant-Based Stem Cells):
    สเต็มเซลล์ชนิดนี้เป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมความงาม โดยสกัดจากพืชที่มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูเซลล์ เช่น แอปเปิ้ลหรือองุ่น
  5. สเต็มเซลล์จากรกคน (Human Placental Stem Cells): สกัดจากเนื้อเยื่อรกของมนุษย์ที่ได้จากการคลอด เซลล์ต้นกำเนิดนี้มีคุณสมบัติเด่นในการฟื้นฟูผิว ลดเลือนริ้วรอย และเพิ่มความกระชับให้กับผิว
  6. สเต็มเซลล์จากรกสัตว์ (Animal Placental Stem Cells): ส่วนใหญ่สกัดจากรกแกะหรือม้า ซึ่งมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับรกคน ใช้เพื่อฟื้นฟูสภาพผิว เพิ่มความชุ่มชื้น และลดการอักเสบ

สเต็มเซลล์ช่วยอะไรบ้าง?

สเต็มเซลล์มีคุณสมบัติหลากหลายที่ช่วยฟื้นฟูและเสริมสร้างผิวในระดับลึก นี่คือประโยชน์หลัก ๆ ของการฉีดสเต็มเซลล์:

  1. ฟื้นฟูเซลล์ผิวในระดับลึก:
    สเต็มเซลล์ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ทำให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์และเปล่งปลั่ง
  2. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน:
    ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความกระชับของผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียน
  3. ลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำ:
    สเต็มเซลล์ช่วยลดเลือนริ้วรอยลึกและจุดด่างดำที่เกิดจากอายุหรือแสงแดด
  4. เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว:
    ผิวที่ได้รับการฟื้นฟูจากสเต็มเซลล์จะดูสดใสและชุ่มชื้นขึ้น
  5. ซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย:
    เช่น ลดเลือนแผลเป็นจากสิวหรือรอยแผลเป็นต่าง ๆ
  6. ปรับสมดุลผิว:
    ลดปัญหาผิวเรื้อรัง เช่น ผิวแห้งกร้าน หรือปัญหาผิวไม่สม่ำเสมอ
  7. ฟื้นฟูสุขภาพผิวในระยะยาว:
    สเต็มเซลล์ไม่เพียงแต่ช่วยฟื้นฟูในทันที แต่ยังมีผลลัพธ์ในระยะยาวที่ช่วยให้ผิวดูสุขภาพดี

ข้อดีของการฉีดสเต็มเซลล์

  1. ฟื้นฟูเซลล์ผิวอย่างล้ำลึก:
    สเต็มเซลล์สามารถกระตุ้นเซลล์ผิวในระดับ DNA ซึ่งส่งผลให้การฟื้นฟูเกิดขึ้นจากภายใน
  2. ลดปัญหาผิวเรื้อรัง:
    เช่น จุดด่างดำ รอยสิว หรือริ้วรอยลึก ช่วยปรับปรุงผิวให้ดูเรียบเนียน
  3. ปลอดภัยและไม่ก่อให้เกิดการแพ้:
    เนื่องจากใช้เซลล์จากร่างกายของผู้เข้ารับบริการเอง
  4. ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ:
    ผิวดูสดใสโดยไม่ดูแข็งหรือตึงจนเกินไป
  5. เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว:
    ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวแพ้ง่าย
  6. เสริมสร้างโครงสร้างผิว:
    ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นและป้องกันการเสื่อมของผิวในอนาคต
  7. ปรับคุณภาพผิวโดยรวม:
    ผิวดูเนียนละเอียดและเปล่งปลั่ง

ทำไมต้องเลือก Pmed Clinic สำหรับการฉีดไขมันหน้าและสเต็มเซลล์

Pmed Clinic แตกต่างจากคลินิกทั่วไปด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และการให้ความสำคัญกับการวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะให้คำปรึกษาอย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์ที่ได้จะสอดคล้องกับความต้องการของผู้เข้ารับบริการ นอกจากนี้ คลินิกยังมีการติดตามผลหลังการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าผู้เข้ารับบริการจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในทุกขั้นตอน และยังมีบริการครบวงจรรวมถึงการปลูกผมถาวรที่ 42G Clinic

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปลูกผม: 42G Clinic ปลูกผมถาวร

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top