เติมไขมันหน้า

FAT GRAFTING

คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวหน้าด้วยไขมันของคุณเอง ด้วยเทคนิค Growth Factors พัฒนาโดยนายแพทย์ปิยพล พัฒนครู ศัลยแพทย์ใจดีที่ทำเคสเติมไขมันมากที่สุดในสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย ประสบการณ์นานกว่า 10 ปี

การเติมไขมัน หรือ การฉีดไขมัน (Fat Grafting) โดย คุณหมอต้น ปิยพล พัฒนครู

คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวหน้าด้วยไขมันของคุณเอง ด้วยเทคนิค Growth Factors พัฒนาโดยนายแพทย์ปิยพล พัฒนครู ศัลยแพทย์ใจดีที่ทำเคสเติมไขมันมากที่สุดในสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย ประสบการณ์นานกว่า 10 ปี

       ที่ Pmed Clinic การเติมไขมันไม่ใช่แค่การ “ดูด” แล้ว “เติม” “ฉีด” แล้ว“จบ”เท่านั้นแต่หมายถึงการคิดคำนวณอย่างแม่นยำ และรอบคอบเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเฉพาะบุคคล การฉีดไขมันของ Pmed Clinic หมายถึงการใช้เครื่องมือที่ดีที่สุด เทคนิคที่การันตีผลลัพธ์ได้ใกล้เคียงที่สุด โดยศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญด้านการฉีดไขมันโดยเฉพาะ เพราะสำหรับเรา การฉีดไขมันเป็นเทคนิคการสร้างความอ่อนเยาว์ที่สร้างความพึงพอใจให้ผู้รับบริการได้มากที่สุด ณ ปัจจุบัน ทว่าต้องทำด้วยมือของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะการเติมไขมันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ต้องอาศัยประสบการณ์นานปีในการพัฒนาฝีมือ และอย่าเพิ่งตัดสินใจสมัครคอร์สเติมไขมันกับใครที่ไหนก่อนที่คุณจะอ่านข้อมูลต่อไปนี้จนจบ

แบบยอดนิยม

ภาพก่อน – หลัง

Doctor’s Message

การเติมไขมันหรือการฉีดไขมันก็เหมือนการปลูกต้นไม้ “ให้เราจินตนาการว่าถ้าเราจะปลูกต้นไม้ต้องอาศัยอะไรบ้าง เช่น ต้นกล้า ดิน ปุ๋ย คนปลูกต้นไม้ เป็นต้น ต้นกล้าก็คือไขมันที่เราฉีดไขมันลงไปในชั้นใต้ผิวหนัง Growth Factors คือปุ๋ยที่เราที่พัฒนาเทคนิคมาเกือบ 10 ปีจนได้สูตรปุ๋ยที่ดีที่สุด ดิน คือร่างกายของผู้มารับบริการ คุณอายุเท่าไร เพศอะไร พักผ่อนเพียงพอไหม สูบบุหรี่หรือเปล่า ดื่มหรือเปล่า มีโรคประจำตัวไหม ฯลฯ ส่วนนี้เราแก้ไขไม่ได้แต่เราจะทำให้ดีที่สุด และสุดท้ายคือคนปลูก ซึ่งต้องมีเทคนิคที่ดี มีประสบการณ์สูง เพราะการฉีดไขมันแต่ละขั้นตอนมีรายละเอียดซับซ้อนแต่ไม่ยากเพราะคำนวณล่วงหน้าได้หมด ถ้าคุณมีประสบการณ์และเอาใจใส่กับมันมากพอ”

ทำความรู้จัก FAT GRAFTING

การเติมไขมันคือ

       การฉีดเติมเต็มใบหน้าด้วยไขมันของตัวเอง เป็นการย้ายตำแหน่งไขมันจากบริเวณที่เราไม่ ต้องการเช่น ต้นขา หน้าท้อง แขน หลัง ฯลฯ เพื่อมาเติมเต็มส่วนที่บกพร่อง เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา รอบดวงตา หน้าผากแบน ขมับตอบ โหนกแก้มสูง ฯลฯ

ใครบ้างที่เติมไขมันได้

       ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า เมื่ออายุมากขึ้น ความแข็งแรงระหว่างพังผืดกับชั้นไขมันที่ยึดใบหน้า จะลดลงในบางบริเวณทำให้เกิดริ้วรอย เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำตา หน้าผากย่น หรือบางคนแก้มตอบจากการที่ไขมันบริเวณแก้มลดลง ทำได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งจากประสบการณ์การทำเคสฉีดไขมันของคุณหมอปิยพลพบว่า ผู้ชายนั้นไขมันจะติดดีกว่าผู้หญิงด้วยซ้ำ และทำได้จนถึงอายุ 60 ปีขึ้นไป เพราะเคยมีคนไข้อายุ 60 ปีมาเติมไขมันและพบว่าไขมันติดดีไม่แพ้สาวๆ เหมือนกัน

เทคนิคที่ใช้

       Growth Factors เป็นเทคนิคที่คุณหมอปิยพลนำมาใช้เป็นคนแรกๆ ในประเทศไทย เทคนิคนี้ เป็นเทคนิคการฉีดไขมันที่ทันสมัยที่สุด ต่างจากแบบเดิมคือเมื่อดูดไขมันแล้วจะนำมาปั่นและคัดแยกไขมัน และนำมาผสมกับ Growth Factors ได้เป็นไขมันที่มีความคงตัวและติดดีกว่าเทคนิคเดิมถึง 3 เท่าเทียบจากเทคนิคแรกเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว เมื่อฉีดไขมันแล้ว ไขมันจะติดประมาณ 30% เท่านั้นเพราะไขมันบอบบางและสูญสลายง่ายเมื่อมีการย้ายตำแหน่ง แต่ด้วยเทคนิค Growth Factors ไขมันติดได้ถึง 80-90% โดยที่ใช้ปริมาณน้อยกว่า

เทคนิคที่ใช้

● 2 ชั่วโมง ใช้เวลาในห้องศัลยกรรม หลังทำใช้ชีวิตตามปกติได้เลย ไม่บวม ไม่ช้ำ
● 7 วัน ตัดไหม
● 1-3 เดือน ระยะเวลาที่ใบหน้าเข้าที่ หลังจากเดือนแรกไขมันจะยุบตัวลง และจะแข็งแรงขึ้นภายใน 3 เดือน

4 STEP ขั้นตอนการเติมไขมัน

ขั้นตอนที่ 1 วิเคราะห์ใบหน้า

คุณหมอเล่าว่า ศัลยแพทย์ต้องมีความรู้เกี่ยวกับมิติของใบหน้า รู้ว่าใบหน้าแต่ละคนมีเหลี่ยมไหนมุมไหนที่เติมไขมันแล้วจะดูสวยงามแบบพอดีจริงๆ ตัวคุณหมอเองนั้นเคยผ่านคอร์สเรียนการปั้นและการวาดภาพจากเพาะช่างมาแล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนเฉพาะทางในสาขาศัลยศาสตร์ตกแต่งและเสริมสร้างใบหน้า โรงพยาบาลจุฬาฯ ซึ่งบรรจุวิชานี้ไว้ในหลักสูตรเพื่อให้ศัลยแพทย์เข้าใจความงามในมิติของศิลปะด้วย คุณหมอเล่าว่ากระดูกที่เป็นกรอบหน้าคือมิติที่แข็ง และส่วนที่นิ่มที่มีไขมันคือมิติที่อ่อน คนเราเมื่ออายุมากขึ้นจะมีไขมันน้อยลงทำให้แก้มตอบ ขมับตอบ ซึ่งทำให้ใบหน้าดูแข็ง ก็อาจแก้โดยฉีดไขมันที่แก้มและขมับให้เต็มขึ้น เป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้รับบริการและความเป็นไปได้ตามคำวินิจฉัยของคุณหมอ ไม่สามารถใช้วิธีเดียวในการแก้ปัญหาให้คนทุกคนได้

ขั้นตอนที่ 2 การดูดไขมัน

ขั้นตอนนี้ใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที ใช้ไขมันประมาณ 100-200 ซีซี โดยคุณหมอจะคำนวณไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะดูดเท่าไหร่จากอวัยวะส่วนไหน ซึ่งโดยมากจะดูดจากต้นขาก่อน ถ้าไม่พอจึงดูดที่หน้าท้อง ส่วนใหญ่จะจบที่หน้าท้อง และคนไข้ประมาณ 85-90% เลือกวิธีฉีดยาชาและพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคุณหมอมือเบามาก ทำไม่เจ็บ ระหว่างทำสามารถพูดคุยกับคุณหมอได้ตามปกติ

ขั้นตอนที่ 3 การคัดแยกไขมัน

ใช้เทคนิค Growth Factors ซึ่งคุณหมอปิยพลเป็นผู้บุกเบิกนำเทคนิคนี้มาใช้ในประเทศไทย คุณหมอใช้เทคนิคพิเศษในการคัดแยกไขมัน และใช้อุปกรณ์ที่มีความแม่นยำสูงมาสกัด Growth Factors จากเลือดแล้วนำมาผสมกับไขมัน คุณหมอให้ความสำคัญกับ Growth Factors มากเพราะโดยตัวมันเองเป็นอาหารเลี้ยงไขมันอยู่แล้ว มันจะเป็นปุ๋ยให้กับไขมัน และทำให้เมื่อฉีดไขมันไปแล้ว ไขมันจะติดดีถึง 80-90%

ขั้นตอนที่ 4 การฉีดไขมัน

ขั้นตอนนี้ต้องอาศัยความชำนาญว่าแต่ละตำแหน่งควรฉีดเท่าไหร่ ซึ่งต้องคำนวณเผื่อตอนไขมันยุบด้วย โดยหลักแล้ว ให้ “ฉีดพอดีหรือเกินได้นิดหน่อย” และ “ห้ามฉีดเกินมากๆ” เด็ดขาด เพราะจะทำให้หน้าบวม หน้าเปลี่ยนเป็นคนละคน และการจะเอาไขมันส่วนที่เกินออกนั้นเป็นเรื่องยากมากเพราะไขมันที่ใบหน้าถ้าติดแล้วจะติดดี ไม่เหมือนไขมันบริเวณอื่น ใบหน้าเป็นส่วนที่มีกล้ามเนื้อและพังผืดเยอะ ขูดไขมันออกยากและเกิดการบวมช้ำง่าย แพทย์จึงต้องระมัดระวังในการฉีดมากและต้องอาศัยความเชี่ยวชาญอย่างสูง

Doctor’s Message

เติมไขมันควบทำสารทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาตชั่วคราว “โดยมากผมจะฉีดครั้งเดียวให้จบเลย แต่ก็มีบางบริเวณที่ไม่เอื้อต่อการฉีดไขมัน เช่น หน้าผาก เปรียบเหมือนดินดอน ปลูกต้นไม้ที่อื่น 100 ต้น อาจจะขึ้น 80 ต้น แต่ถ้าปลูกตรงหน้าผากจะขึ้นแค่ 60 ต้น เพราะฉะนั้นต้องมาดูกันอีกทีว่าควรจะฉีดซ้ำหรือไม่ และโดยมากการฉีดไขมันบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวเยอะๆ เช่น หน้าผากหรือแก้ม ก็จะมีโอกาสที่จะเกิดร่องไขมันเพราะการขยับเป็นการรบกวนต้นกล้าไขมันที่เราเพิ่งปลูกเข้าไป มันยังเป็นต้นอ่อนถ้าเราไปรบกวนมันก็อาจจะไม่เข้าที่ ผมก็จะแนะนำให้ฉีดสารทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาตชั่วคราวไปด้วย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด”

การดูแลตัวเองหลังเติมไขมัน

แม้ว่าคนไข้ของคุณหมอปิยพลจะเดินตัวปลิวกลับบ้านได้ทันทีหลังจากเติมไขมัน แต่ทว่าการดูแลตัวเองหลังจากนั้นก็เป็นสิ่งที่คุณต้องเอาใจใส่ด้วยเช่นกัน และมันก็สำคัญไม่แพ้ขั้นตอนการเติม เพราะไขมันที่เพิ่งเติมเต็มเข้าไปนั้น เปรียบเหมือนต้นกล้าที่ยังอ่อนเยาว์ ต้องการทั้งอาหารและการบำรุงเพื่อให้ไขมันเหล่านั้นได้เติบโต สิ่งที่ต้องดูแลได้แก่

  •       กินอาหารให้ครบ 5 หมู่
  •       ไม่ต้องกินไขมันเยอะกว่าปกติ แต่ห้ามอดอาหารเด็ดขาด
  •       พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่นอนดึก
  •       งดสูบบุหรี่ งดดื่มแอลกอฮอล์

Doctor’s Message
ตัวช่วยหลังทำกับเวชสำอาง Pharmann

“นอกจากกลับไปพักผ่อน กินอาหารให้ครบ 5 หมู่แล้ว เราก็มีครีมพิเศษที่ช่วยลดอาการบวม ช้ำ หรืออักเสบ ชื่อแบรนด์ Pharmann จากประเทศโปแลนด์ ครีมพวกนี้ไม่ต้องใช้ตลอดไป แค่ใช้ช่วง 5-7 วันแรกก็เพียงพอแล้ว”

นพ.ปิยพล พัฒนครู

การเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าหลังเติมไขมัน

ระยะ 1 เดือน

ช่วงบวมน้ำ

ระยะ 2 เดือน

ช่วงยุบบวมน้ำ ไขมันยังอ่อน ดูเผินๆ เหมือนไขมันที่เติมยุบหายไป

ระยะ 3 เดือน

ไขมันเติบโตขึ้น ใบหน้าจะเข้าที่ ไขมันใหม่ และผสานกับผิวเป็นหนึ่งเดียว

เปรียบเทียบฟิลเลอร์แบบต่างๆ กับไขมันตัวเอง
เอาล่ะ! ทีนี้คุณตัดสินใจได้หรือยังว่า ถ้าคิดจะฉีดไขมันจะทำกับที่ไหน

คำถามยอดฮิต

การเติมเต็มไขมัน ปกติจะอยู่ได้หลายปี โดยเฉลี่ย 5-7 ปี ซึ่งพฤติกรรมคนไข้ก็มีผล เช่น การนวดหน้าใช้ความร้อน นอนดึกบ่อยๆ ดื่มแอลกอฮล์ประจำ หรืออายุที่มากขึ้น ไขมันก็จะลดลงตามกลไกร่างกายของเรา

เทคนิคเฉพาะของคุณหมอต้น พีเมดคลีนิก หลังฉีดไขมันนั้น โอกาสติดสูง ถึง 70% -80% และอยู่ได้นานหลายปี

#แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของคนไข้ แต่ละบุคคลด้วยนะคะ หากคนไข้ที่ต้องการให้ใบหน้าเต็มอิ่มอยู่ตลอด หรือชอบแบบใบหน้ากลมๆ ก็สามารถมาฉีดซ้ำรอบ2 ได้ตามความต้องการค่ะ #

การฉีดไขมันสามารถฟื้นฟูสภาพผิว และช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นใต้ผิวหนังให้กลับมาดูดีขึ้นอีกครั้ง คุณหมอต้นมีเทคนิคพิเศษ เพิ่มGrowth Factor เป็นการใช้สารสกัดจากเลือดด้วยเครื่องแยกพิเศษเข้มข้นกว่าPRP 3 เท่าทำให้ได้สารที่ช่วยให้ไขมันติดดีขึ้น 20% ลดปัญหาบวมนานหลังทำ และช่วยให้ผิวใสลดฝ้าได้60-70% ในครั้งแรก ช่วยให้รูขุมขนเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ผิวนุ่มขึ้นด้วยค่ะ

การฉีดไขมันโดยใช้ไขมันของคนไข้เองไปเติมเต็มในส่วนที่ขาดหรือมีร่องลึกบนใบหน้า ทำให้ใบหน้าได้รูปทรง ดูเด็กลง และใบหน้าดูอิ่มเต็มมีมิติมากขึ้นค่ะ