ไขข้อสงสัย! เสริมจมูกแบบไหนอยู่ได้ตลอดชีวิต

ไขข้อสงสัย! เสริมจมูกแบบไหนอยู่ได้ตลอดชีวิต
เสริมจมูกแบบไหนอยู่ได้ตลอดชีวิต
เสริมจมูกแบบไหนอยู่ได้ตลอดชีวิต

การเสริมจมูกสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิตหรือไม่? ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยทั้งวัสดุที่ใช้ เทคนิคการผ่าตัดและการดูแลตัวเองหลังทำ ปัจจุบันมีการใช้ซิลิโคนทางการแพทย์ (Surgery Grade Silicone) และกระดูกอ่อนของตัวเองซึ่งเป็นวัสดุที่ออกแบบมาให้สามารถอยู่ได้ระยะยาว รวมถึงเทคนิคการเสริมจมูกที่พัฒนาให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำแล้วจะอยู่ได้ตลอดชีวิตโดยไม่ต้องดูแลอะไรเลย

เสริมจมูกแบบไหนอยู่ได้ตลอดชีวิต จริงหรือ?

การเสริมจมูกที่สามารถอยู่ได้ตลอดชีวิตขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยไม่ใช่แค่เพียงเทคนิคของแพทย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงวัสดุที่ใช้และการดูแลตัวเองของคนไข้หลังทำการผ่าตัด ในปัจจุบันวัสดุที่ได้รับความนิยมในการเสริมจมูกและสามารถอยู่ได้นานที่สุดคือซิลิโคนเกรดศัลยกรรม (Surgery Grade Silicone) ซึ่งเป็นวัสดุที่ถูกออกแบบมาให้ใช้ในร่างกายมนุษย์ มีความคงทนสูง ไม่มีวันหมดอายุ และไม่เสื่อมสภาพเมื่ออยู่ในร่างกายเป็นเวลานาน ต่างจากวัสดุซิลิโคนทั่วไปที่อาจมีการเสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา ซิลิโคนทางการแพทย์สามารถอยู่ในร่างกายได้ตลอดโดยไม่มีปฏิกิริยาต่อเนื้อเยื่อ ทำให้ลดความเสี่ยงของการอักเสบหรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้

นอกจากเรื่องของวัสดุแล้วเทคนิคที่แพทย์ใช้ก็มีผลอย่างมากต่อความคงทนของซิลิโคนในจมูก แพทย์ที่มีประสบการณ์จะเลือกเทคนิคที่ช่วยให้ซิลิโคนยึดติดกับโครงสร้างของจมูกได้ดี ลดโอกาสที่ซิลิโคนจะขยับ เคลื่อนที่ หรือเอียงผิดรูปในอนาคต เทคนิคที่นิยมใช้ในปัจจุบันคือ การเสริมจมูกแบบ Open และเทคนิคปรับโครงสร้างจมูก ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ซิลิโคนอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมแล้ว ยังสามารถเสริมความแข็งแรงของปลายจมูกและโครงสร้างจมูกโดยรวม ด้วยการใช้กระดูกอ่อนหลังหูหรือกระดูกอ่อนซี่โครงซึ่งเป็นวัสดุจากร่างกายของตัวเอง ทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากสิ่งแปลกปลอมเช่นพังผืดรัดแน่นหรือการทะลุของซิลิโคน โดยเฉพาะในคนที่มีเนื้อจมูกบางหรือเคยเสริมจมูกมาแล้วหลายครั้ง การใช้กระดูกอ่อนเป็นทางเลือกที่ช่วยให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและอยู่ได้นานขึ้น

ประเภทของซิลิโคนเสริมจมูก: เลือกอย่างไรให้ปลอดภัย

การเสริมจมูกเป็นหัตถการที่ต้องเลือกใช้วัสดุที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับแต่ละบุคคลซึ่งซิลิโคนเสริมจมูกเป็นวัสดุหลักที่แพทย์นิยมใช้ในปัจจุบัน โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักได้แก่

  1. ซิลิโคนสำเร็จรูป – เป็นซิลิโคนที่ถูกออกแบบมาเป็นทรงมาตรฐานจากโรงงานผลิต สามารถนำมาใช้ได้ทันทีโดยไม่ต้องเหลาเพิ่มเติม มักมีให้เลือกหลายขนาดและรูปทรง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทรงจมูกมาตรฐานและต้องการลดเวลาในการผ่าตัด
  2. ซิลิโคนแบบเหลา – เป็นซิลิโคนแท่งที่แพทย์จะนำมาเหลาให้เหมาะสมกับโครงสร้างจมูกของแต่ละบุคคล ข้อดีคือสามารถปรับแต่งให้เข้ากับรูปหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ ลดปัญหาจมูกแข็งหรือดูไม่รับกับใบหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทรงเฉพาะตัวหรือมีโครงสร้างจมูกที่ต้องการการปรับแต่งเป็นพิเศษ

วัสดุซิลิโคนที่นิยมนำมาใช้เสริมจมูก

ปัจจุบันซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมจมูกมีอยู่หลายเกรดซึ่งแต่ละแบบมีคุณสมบัติแตกต่างกัน โดยซิลิโคนที่ได้รับความนิยมมีดังนี้

  • ซิลิโคนอเมริกา (USA Silicone) – เป็นซิลิโคนเกรดศัลยกรรมที่มีคุณภาพสูง เนื้อสัมผัสนุ่มปานกลาง ไม่แข็งเกินไปและไม่ยืดหยุ่นมากเกินไป ทำให้สามารถอยู่ในร่างกายได้นานโดยไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปทรง มีความปลอดภัยสูงและผ่านมาตรฐานระดับสากล
  • ซิลิโคนเกาหลี (Korea Silicone) – มีลักษณะเนื้อนิ่มมากกว่าซิลิโคนอเมริกา ทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นแต่มีโอกาสเกิดการยุบตัวได้เร็วกว่าซิลิโคนที่แข็งกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลุคหวานละมุนและมีผิวบาง
  • ซิลิโคนญี่ปุ่น (Japan Silicone) – มีเนื้อสัมผัสที่อยู่ระหว่างซิลิโคนอเมริกาและเกาหลี คือไม่แข็งเกินไปแต่ก็ไม่อ่อนเกินไป ทำให้สามารถคงรูปทรงได้นานและยังคงความเป็นธรรมชาติ เหมาะกับผู้ที่ต้องการทรงจมูกที่มีความคมชัดแต่ยังคงความนุ่มนวล

การเสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty)

การเสริมจมูกแบบปิด เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมและเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับแต่งจมูกโดยไม่ต้องมีการแก้ไขโครงสร้างภายในมากนัก วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการเสริมสันจมูกให้โด่งขึ้นโดยใช้ซิลิโคนเพียงอย่างเดียว หรือปรับทรงเล็กน้อยโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกระดูกอ่อนของจมูกมากนัก

เทคนิคการผ่าตัดแบบปิดเป็นอย่างไร?

การเสริมจมูกแบบปิดแพทย์จะทำการเปิดแผลภายในรูจมูกซึ่งช่วยลดการเกิดแผลเป็นที่มองเห็นได้จากภายนอก หลังจากนั้นจะมีการสร้างโพรงใต้เยื่อหุ้มกระดูกเพื่อใส่ซิลิโคนเข้าไปและทำการปรับแต่งให้เข้ากับโครงสร้างเดิมของจมูก เมื่อจัดวางซิลิโคนให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมแล้วแพทย์จะเย็บแผลปิดบริเวณรูจมูกโดยใช้ไหมละลาย ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแผลเป็นจากภายนอก

ข้อดีของการเสริมจมูกแบบปิด

  •  แผลเล็ก ฟื้นตัวไว – เนื่องจากเปิดแผลเฉพาะภายในรูจมูก จึงทำให้แผลมีขนาดเล็กมากและฟื้นตัวเร็วกว่าแบบเปิด
  •  ลดโอกาสเกิดแผลเป็น – เพราะไม่มีรอยกรีดที่ปลายจมูก ลดความเสี่ยงเรื่องรอยแผลเป็นที่อาจมองเห็นได้
  • ระยะเวลาผ่าตัดสั้น – ใช้เวลาประมาณ 45 นาที – 1 ชั่วโมง ก็สามารถกลับบ้านได้
  • บวมช้ำน้อยกว่าการเสริมจมูกแบบเปิด – เพราะมีการกระทบกระเทือนเนื้อเยื่อน้อยกว่าทำให้ลดอาการบวมช้ำได้

ข้อจำกัดของการเสริมจมูกแบบปิด

  • ปรับโครงสร้างจมูกได้จำกัด – ไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวกับปลายจมูกได้มากนัก เช่น การปรับแต่งปลายจมูกให้เรียวยาวขึ้นหรือลดขนาดปีกจมูก
  •  ไม่เหมาะกับคนที่ต้องแก้ไขจมูกเดิมเยอะ ๆ – เช่นคนที่มีปัญหาจมูกสั้น เนื้อจมูกบาง หรือเคยเสริมจมูกมาแล้วหลายครั้ง
  •  ไม่สามารถใช้กระดูกอ่อนเสริมปลายจมูกได้เต็มที่ – เนื่องจากเทคนิคนี้ไม่ได้เปิดปลายจมูกมากนัก การเสริมด้วยกระดูกอ่อนหลังหูหรือกระดูกอ่อนซี่โครงอาจทำได้จำกัด

ใครที่เหมาะกับการเสริมจมูกแบบปิด?

✔ ผู้ที่ต้องการเสริมสันจมูกให้โด่งขึ้นเพียงเล็กน้อยโดยไม่ต้องแก้โครงสร้างภายใน
✔ ผู้ที่มีโครงสร้างจมูกเดิมดีอยู่แล้วและต้องการเพิ่มความโด่งของสันจมูกให้ดูมีมิติมากขึ้น
✔ ผู้ที่ต้องการฟื้นตัวเร็วและต้องการลดความเสี่ยงเรื่องแผลเป็น

การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty)

การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty) เป็นเทคนิคที่ช่วยให้แพทย์สามารถแก้ไขโครงสร้างภายในจมูกได้อย่างละเอียด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับทรงจมูกแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการปรับสันจมูก แก้ไขปลายจมูก หรือการใช้กระดูกอ่อนเสริมปลายให้ดูละมุนและเป็นธรรมชาติ

เทคนิคการผ่าตัดแบบเปิดเป็นอย่างไร?

หลังจากเปิดแผลบริเวณฐานกลางของจมูก (Columella) แล้วเลาะผิวหนังขึ้นเพื่อให้เห็นโครงสร้างภายในจมูกทั้งหมด  แพทย์อาจใช้วัสดุเสริมเช่นซิลิโคนเกรดศัลยกรรม (Surgical Grade Silicone) หรือ กระดูกอ่อนจากร่างกายเองเช่นกระดูกอ่อนหลังหูหรือกระดูกอ่อนซี่โครงเพื่อปรับแต่งปลายจมูก หลังจากที่ได้รูปทรงที่เหมาะสมแล้วจะทำการเย็บปิดแผลบริเวณฐานกลางจมูกโดยใช้ไหมละลายและทำการจัดวางเนื้อเยื่อกลับสู่ตำแหน่งเดิม

ข้อดีของการเสริมจมูกแบบเปิด

  • สามารถแก้ไขทรงจมูกได้อย่างละเอียด – เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับทรงทั้งสันและปลายจมูกให้ดูสมดุล
  • ใช้กระดูกอ่อนเสริมปลายจมูกเพื่อความเป็นธรรมชาติ – ลดความเสี่ยงเรื่องปลายจมูกบางหรือทะลุในอนาคต
  • เหมาะสำหรับการแก้จมูกที่เคยทำมาแล้ว – โดยเฉพาะกรณีที่ต้องการแก้ปัญหาโครงสร้างจมูกเดิม
  • สามารถใช้กระดูกอ่อนซี่โครงเสริมโครงสร้างจมูก – สำหรับคนที่มีเนื้อจมูกน้อยหรือมีปัญหาสันจมูกแบน

การใช้กระดูกอ่อนเสริมจมูกแบบเปิด

  • กระดูกอ่อนหลังหู – นิยมใช้เสริมปลายจมูกเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติและลดโอกาสทะลุ
  • กระดูกอ่อนซี่โครง – ใช้ในกรณีที่ต้องการปรับโครงสร้างจมูกทั้งหมด เช่น คนที่มีจมูกแบนมาก หรือเคยเสริมซิลิโคนมาแล้วเกิดปัญหา

ข้อควรพิจารณาของการเสริมจมูกแบบเปิด

  • มีแผลผ่าตัดที่ฐานกลางจมูก (แต่สามารถจางลงเมื่อแผลหายดี)
  • ใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าการเสริมจมูกแบบปิด เนื่องจากมีการปรับโครงสร้างภายใน
  • อาจมีอาการบวมมากกว่าการเสริมจมูกแบบปิดในช่วงแรก

ใครที่เหมาะกับการเสริมจมูกแบบเปิด?

✔ ผู้ที่ต้องการปรับปลายจมูกให้ดูพุ่งและเป็นธรรมชาติ
✔ ผู้ที่มีปัญหาโครงสร้างจมูก เช่น จมูกแบน หรือจมูกสั้นปลายเชิด
✔ ผู้ที่เคยเสริมจมูกมาแล้วและต้องการแก้ไขให้ดูดีขึ้น

บทความน่ารู้ เสริมจมูกแบบ Open คืออะไร? รวมทุกข้อที่ควรรู้พร้อมข้อดีข้อเสีย

สัญญาณที่บ่งบอกว่าต้องแก้จมูก

ในหลายๆครั้งผู้ที่เสริมจมูกไปแล้วอาจพบปัญหาที่ทำให้ต้องแก้จมูกหรือเปลี่ยนซิลิโคนใหม่อีกครั้ง ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยหลายอย่างเช่นเทคนิคการผ่าตัด วัสดุที่ใช้ หรือการดูแลตัวเองหลังทำจมูก แต่เราจะทราบได้อย่างไรว่าจมูกของเราถึงเวลาที่ต้องแก้ไข? หากมีปัญหาต่อไปนี้ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาแก้จมูกโดยเร็วครับ

ปัญหาที่พบบ่อยหลังการเสริมจมูก

  • ซิลิโคนพลิกหรือเอียง ทำให้ฐานจมูกไม่สมมาตร
    ซิลิโคนอาจเกิดการเคลื่อนตัวได้หากฐานจมูกไม่แข็งแรงหรือการวางซิลิโคนในชั้นที่ไม่เหมาะสมตั้งแต่แรก ส่งผลให้จมูกดูเบี้ยว เอียง หรือมีรูปทรงไม่สม่ำเสมอซึ่งมักจะเห็นได้ชัดเจนเมื่อสังเกตจากมุมด้านหน้า การเอียงของซิลิโคนอาจทำให้เกิดแรงกดต่อเนื้อเยื่อจมูกมากขึ้นและหากปล่อยไว้อาจทำให้จมูกผิดรูปถาวรได้
  • ปลายจมูกยาวเกินไป ส่งผลให้เกิดการกดทับเนื้อเยื่อ
    หากเสริมซิลิโคนที่ยาวเกินไปหรือเลือกวัสดุที่มีความแข็งมากเกินไป อาจทำให้เกิดแรงกดที่ปลายจมูกจนเนื้อเยื่อปลายจมูกบางลงเรื่อยๆจนเห็นโครงสร้างภายในของซิลิโคนหรือกระดูกอ่อนชัดขึ้น อาการนี้จะส่งผลให้จมูกดูไม่เป็นธรรมชาติและอาจเกิดการทะลุของปลายจมูกได้ในอนาคต
  • เนื้อปลายจมูกบางลงและสั้นลง นำไปสู่ปัญหาจมูกเชิดหรือแงน
    ในบางกรณีโดยเฉพาะคนที่เสริมจมูกด้วยซิลิโคนล้วนเป็นเวลานาน อาจพบว่าปลายจมูกค่อยๆ สั้นลงหรือเชิดขึ้นมากกว่าปกติ ซึ่งเกิดจากแรงกดของซิลิโคนที่ไปทำให้เนื้อเยื่อปลายจมูกบางลงจนไม่สามารถรองรับโครงสร้างเดิมได้ อีกสาเหตุหนึ่งอาจเกิดจากพังผืดภายในที่รัดตัวมากเกินไป ทำให้จมูกหดตัวขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
  • การอักเสบและความเสี่ยงในการทะลุ
    หากหลังเสริมจมูกไปแล้วมีอาการบวม แดง หรือปวดผิดปกติเป็นระยะเวลานาน อาจเป็นสัญญาณของการอักเสบหรือติดเชื้อที่เกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายต่อซิลิโคน หรืออาจเกิดจากการติดเชื้อจากแผลผ่าตัด หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เกิดการทะลุของซิลิโคนผ่านผิวหนัง ซึ่งเป็นภาวะที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน

หากมีอาการดังกล่าวควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อวางแผนแก้จมูกใหม่โดยเร็ว เพราะหากปล่อยทิ้งไว้นาน อาจส่งผลต่อโครงสร้างของจมูกและทำให้การแก้ไขยากขึ้น อีกทั้งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงขึ้นในอนาคตครับ

สาเหตุของปัญหาในการเสริมจมูก

แม้ว่าการเสริมจมูกจะเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมและมีเทคนิคที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่องแต่ก็ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่อาจทำให้เกิดปัญหาหลังการผ่าตัดได้ ปัญหาบางอย่างสามารถแก้ไขได้ง่ายในขณะที่บางกรณีอาจต้องเข้ารับการแก้จมูกใหม่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดปัญหาในการเสริมจมูก มีดังนี้

ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดปัญหาในการเสริมจมูก


  • ความเข้าใจที่ไม่เพียงพอเกี่ยวกับโครงสร้างจมูก
    โครงสร้างจมูกของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน บางคนมีเนื้อจมูกน้อย บางคนมีฐานจมูกกว้าง หรือบางคนมีผนังกั้นจมูกเอียง หากไม่ได้รับการประเมินที่ถูกต้องก่อนผ่าตัด อาจทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่เหมาะสมกับใบหน้าหรือเกิดปัญหาหลังทำเช่นซิลิโคนเอียงหรือจมูกผิดรูป



  • การวางซิลิโคนที่ไม่เหมาะสม (ยาวหรือสั้นเกินไป)
    หากซิลิโคนที่ใช้มีความยาวเกินไป อาจทำให้เกิดแรงกดที่ปลายจมูก ส่งผลให้เนื้อจมูกบางลงและเสี่ยงต่อการทะลุ ในทางกลับกันหากซิลิโคนสั้นเกินไปอาจทำให้ทรงจมูกดูไม่สมดุลและไม่สามารถสร้างมิติที่ดีให้กับใบหน้าได้



  • เทคนิคการผ่าตัดที่ไม่แข็งแรงพอ
    ในบางกรณีแพทย์อาจไม่ได้เสริมความแข็งแรงของฐานจมูกให้เพียงพอ ทำให้จมูกเกิดการเอียงหรือเบี้ยวเมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะในกรณีที่คนไข้มีฐานจมูกเดิมไม่แข็งแรงหรือมีโครงสร้างกระดูกและเนื้อเยื่อที่บาง หากไม่ได้มีการปรับโครงสร้างก่อนเสริม อาจทำให้จมูกไม่คงรูปถาวร



  • การใช้วัสดุที่ไม่ได้มาตรฐาน
    ซิลิโคนที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับการเสริมจมูก อาจก่อให้เกิดปฏิกิริยากับร่างกายเช่น อักเสบ เกิดพังผืดมากผิดปกติ หรือทำให้จมูกแข็งตึงผิดธรรมชาติ นอกจากนี้ การใช้วัสดุที่ไม่ได้รับการรับรองอาจเสี่ยงต่อปัญหาการเสื่อมสภาพหรือแตกหักภายในจมูก



  • แพทย์ขาดความชำนาญ
    แพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์เพียงพออาจทำให้การออกแบบทรงจมูกไม่เหมาะกับใบหน้าของคนไข้หรือวางซิลิโคนผิดตำแหน่ง ทำให้เกิดปัญหาซิลิโคนเอียง เบี้ยว หรือไม่สมดุลกับโครงสร้างเดิมของจมูก การเลือกแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทางจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก



  • ขาดการดูแลที่ถูกต้อง
    แม้ว่าการผ่าตัดจะดำเนินการอย่างถูกต้องแต่หากคนไข้ไม่ดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมเช่นโดนกระแทกแรงๆ ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หรือรับประทานอาหารที่อาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบก็อาจทำให้จมูกเกิดปัญหาในระยะยาวได้ การดูแลตัวเองหลังทำจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานและปลอดภัย


หากมีปัญหาหลังเสริมจมูก หรือรู้สึกว่าโครงสร้างจมูกผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินโดยเร็ว เพราะหากปล่อยไว้อาจทำให้ปัญหาซับซ้อนขึ้นและส่งผลต่อโครงสร้างใบหน้าในระยะยาวครับ

การถอดซิลิโคนและผลกระทบ

โดยทั่วไปหากคนไข้ต้องการนำซิลิโคนออกเพราะรู้สึกว่าไม่เข้ากับรูปหน้าหรือไม่พอใจกับผลลัพธ์ แพทย์สามารถทำการถอดซิลิโคนออกได้ โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นการเสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty) การถอดออกค่อนข้างง่ายและใช้เวลาไม่นาน อย่างไรก็ตามหากเป็นกรณีที่เสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty) และมีการปรับโครงสร้างภายในร่วมด้วย การนำซิลิโคนออกอาจต้องพิจารณาถึงโครงสร้างของจมูกเดิมว่ามีความแข็งแรงเพียงพอหรือไม่

ในบางกรณีที่คนไข้มีปัญหาเช่นการอักเสบเรื้อรัง พังผืดรัดตัว หรือซิลิโคนเอียงผิดรูป การเอาซิลิโคนออกอาจเป็นทางเลือกที่จำเป็นเพื่อลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน อย่างไรก็ตามหลังจากนำซิลิโคนออกแล้วรูปทรงจมูกอาจไม่กลับไปเหมือนเดิม 100% เพราะผิวหนังและเนื้อเยื่อภายในอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงไปตามระยะเวลาที่ซิลิโคนอยู่ในจมูก หากมีพังผืดจำนวนมากหรือเนื้อจมูกบางลงอาจต้องได้รับการแก้ไขเพิ่มเติมเช่นใช้กระดูกอ่อนเพื่อปรับโครงสร้างใหม่

เลือกเสริมจมูกอย่างไรให้เข้ากับใบหน้า

การเสริมจมูกให้ดูสวยและเป็นธรรมชาตินั้นไม่ใช่แค่เลือกทรงที่ชอบเท่านั้น แต่ต้องคำนึงถึงสัดส่วนของใบหน้าโดยรวมด้วยเพราะโครงสร้างใบหน้าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทรงจมูกที่สวยสำหรับคนหนึ่ง อาจไม่เหมาะกับอีกคนหนึ่งก็ได้

1. พิจารณาสัดส่วนของใบหน้าก่อนเสริมจมูก

การเลือกทรงจมูกที่เหมาะสมควรดูจาก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ ซึ่งช่วยให้จมูกดูสมดุลกับใบหน้ามากที่สุด หลักการพื้นฐานมีดังนี้:

  • ความยาวของจมูก ควรอยู่ที่ประมาณ 1 ใน 3 ของใบหน้าทั้งหมด
  • มุมระหว่างสันจมูกกับหน้าผาก ควรอยู่ที่ประมาณ 115-130 องศา
  • มุมระหว่างปลายจมูกกับริมฝีปากบน ควรอยู่ที่ประมาณ 90-120 องศา
  • สัดส่วนฐานจมูก ควรมีความกว้างประมาณเท่ากับระยะห่างระหว่างหัวตาทั้งสองข้าง

หากจมูกมีสัดส่วนที่รับกับใบหน้าจะช่วยให้ใบหน้าดูสมดุล ไม่โดดเด่นหรือเล็กเกินไป และดูเป็นธรรมชาติ

2. เลือกทรงจมูกที่เข้ากับโครงหน้า

โครงสร้างใบหน้าของแต่ละคนแตกต่างกัน ดังนั้นทรงจมูกที่เหมาะสมจะต้องช่วยเสริมให้ใบหน้าดูสมดุลขึ้น

  • ใบหน้าเรียว (Oval Face) – เหมาะกับทรง สโลปปลายพุ่ง หรือ ทรงตุรกี เพราะช่วยเพิ่มมิติให้ใบหน้าโดยรวม ดูสวยละมุน ไม่แข็งเกินไป
  • ใบหน้ากลม (Round Face) – ควรเลือกทรง สายฝอ หรือทรงสันสูงปลายเชิด เพื่อเพิ่มความคม ลดความกลมของใบหน้า และช่วยให้ใบหน้าดูยาวขึ้น
  • ใบหน้าเหลี่ยม (Square Face) – เหมาะกับทรง สโลปปลายหยดน้ำ เพราะช่วยลดความแข็งของกราม และทำให้ใบหน้าดูนุ่มนวลขึ้น
  • ใบหน้าหัวใจ (Heart-Shaped Face) – ควรเลือกทรง ธรรมชาติหรือทรงคลาสสิค เพื่อรักษาความสมดุลของใบหน้า ไม่ให้จมูกดูเด่นเกินไป

3. วัสดุที่ใช้เสริมจมูกมีผลต่อความเข้ากับใบหน้า

ปัจจุบันมีเทคนิคเสริมจมูกหลายแบบ โดยวัสดุที่ใช้มีผลต่อผลลัพธ์และความเป็นธรรมชาติ

  • ซิลิโคน – มีหลายเกรดและหลายประเภท แพทย์จะเลือกซิลิโคนที่เหมาะกับโครงหน้าและความต้องการของคนไข้เช่นซิลิโคนเกาหลีที่นุ่มหรือซิลิโคนอเมริกาที่แข็งแรงขึ้นรูปได้ดี
  • กระดูกอ่อนหลังหู – ใช้รองปลายจมูกเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ ลดโอกาสการทะลุ เหมาะกับคนที่ต้องการเสริมปลายจมูกให้พุ่งขึ้นเล็กน้อย
  • กระดูกซี่โครง – เหมาะกับคนที่ต้องการปรับโครงสร้างจมูกใหม่ทั้งหมดหรือมีปัญหาฐานจมูกสั้น สามารถใช้เพื่อสร้างสันจมูกและปลายจมูกที่ดูเป็นธรรมชาติและอยู่ได้นาน
  • เทคนิคผสม – เป็นการใช้ทั้งซิลิโคนและกระดูกอ่อนร่วมกัน เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดูสวยเป็นธรรมชาติและปลอดภัยในระยะยาว

4. ควรเลือกเทคนิคการเสริมจมูกที่เหมาะสม

การเสริมจมูกมี 2 เทคนิคหลัก ซึ่งเหมาะกับเคสที่แตกต่างกัน

  • การเสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty) – เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมซิลิโคนอย่างเดียว ไม่ต้องการแก้ไขโครงสร้างมาก เหมาะกับเคสที่มีฐานจมูกดีอยู่แล้ว
  • การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty) – เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแก้ไขโครงสร้างจมูก เช่น จมูกสั้น ฐานจมูกกว้าง หรือต้องการใช้กระดูกอ่อนเสริมปลายให้ดูเป็นธรรมชาติ

การใส่ซิลิโคนจมูกมีผลตอนแก่ไหม?

เมื่อเราอายุมากขึ้นโครงสร้างของใบหน้าและผิวหนังย่อมมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นมาทำความเข้าใจกันว่าซิลิโคนเสริมจมูกจะส่งผลต่อใบหน้าอย่างไรในระยะยาว

1. อายุที่มากขึ้นมีผลต่อโครงสร้างใบหน้าและจมูก

เมื่อเราอายุมากขึ้นผิวหนังและเนื้อเยื่อใต้ผิวจะบางลงตามธรรมชาติ กระดูกอาจยุบตัวหรือเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา ซึ่งอาจทำให้จมูกดูเปลี่ยนรูปไปเล็กน้อย อย่างไรก็ตามหากเสริมจมูกด้วยซิลิโคนที่ได้มาตรฐานและเลือกเทคนิคที่เหมาะสม ผลกระทบเหล่านี้จะน้อยมาก

2. ซิลิโคนคุณภาพดี ไม่มีวันหมดอายุ

ซิลิโคนเกรดศัลยกรรม (Surgical Grade Silicone) ที่ใช้ในการเสริมจมูกเป็นวัสดุที่สามารถอยู่ในร่างกายได้ตลอดชีวิตโดยไม่เสื่อมสภาพ หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนเช่นการอักเสบ พังผืดรัด หรือซิลิโคนเคลื่อนที่ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหรือถอดออก

3. ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น

  • เนื้อจมูกบางลง – หากเลือกซิลิโคนที่แข็งหรือสูงเกินไป เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังอาจบางลงและทำให้มองเห็นขอบซิลิโคนชัดเจนขึ้น
  • ซิลิโคนเคลื่อนที่หรือเอียง – หากเสริมด้วยเทคนิคที่ไม่ได้ปรับโครงสร้างฐานจมูกให้แข็งแรง อาจมีโอกาสที่ซิลิโคนจะขยับเมื่อเวลาผ่านไป
  • พังผืดรัดรอบซิลิโคน – บางกรณีที่มีพังผืดรัดมากผิดปกติ อาจทำให้จมูกแข็งและผิดรูปเมื่ออายุมากขึ้น
  • การเปลี่ยนแปลงของใบหน้าโดยรวม – เมื่ออายุมากขึ้น โครงสร้างใบหน้าอาจเปลี่ยนไป ส่งผลให้สัดส่วนของจมูกดูแตกต่างไปจากเดิม

4. วิธีป้องกันปัญหาซิลิโคนเมื่ออายุมากขึ้น

  • เลือกซิลิโคนที่เหมาะสมกับโครงสร้างจมูกและใบหน้า ไม่สูงหรือแข็งเกินไป
  • ใช้เทคนิคเสริมจมูกที่เสริมโครงสร้างจมูกให้แข็งแรง เช่นการเสริมด้วยกระดูกอ่อนหลังหูหรือกระดูกซี่โครงร่วมกับซิลิโคน
  • ดูแลสุขภาพและเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจเช็กจมูกเป็นระยะ หากพบอาการผิดปกติ

บริการเสริมจมูกที่ Pmed Clinic

ที่ Pmed Clinic เรามีความเชี่ยวชาญในการเสริมจมูกทุกเทคนิค โดยเน้นการทำแบบเปิดเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ด้วยประสบการณ์ด้านการศัลยกรรมจมูกมากกว่า 10,000 เคส โดยมีดาราและอินฟลูเอนเซอร์หลายคนเลือกเข้ารับบริการ จึงทำให้รับความไว้วางใจด้านการเสริมจมูก

การันตีคุณภาพด้วยรางวัล อโรคาโก สตาร์ 5 ดาว

  • PMED Clinic ได้รับรางวัลด้านความเป็นเลิศในบริการทางการแพทย์ด้านความงาม
  • ทีมแพทย์มีประสบการณ์เฉพาะทางในการเสริมจมูก เข้าใจโครงสร้างใบหน้าของคนไทย
  • วิเคราะห์ปัญหาและออกแบบทรงจมูกให้เหมาะกับแต่ละบุคคล เพื่อผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ

เทคนิคการผ่าตัดที่ทันสมัยและหลากหลาย

  • การเสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty) แผลซ่อนภายใน เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับทรงจมูกโดยไม่เปลี่ยนโครงสร้างมาก
  • การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty) ปรับโครงสร้างจมูกได้ละเอียด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขจมูกเดิมให้สมบูรณ์ขึ้น
  • แพทย์เลือกเทคนิคที่เหมาะกับโครงสร้างจมูกของแต่ละคน เพื่อให้จมูกสวย สมดุลกับใบหน้า

วัสดุคุณภาพสูง มาตรฐานระดับสากล

  • ใช้ ซิลิโคนเกรดพรีเมียมจากต่างประเทศ ปลอดภัย ไร้รอยต่อ ลดโอกาสซิลิโคนทะลุในอนาคต
  • มีทางเลือก เสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหู หรือกระดูกซี่โครง เพื่อเสริมความแข็งแรงของโครงสร้างจมูก
  • ซิลิโคนและวัสดุทุกชิ้นผ่านการคัดเลือกมาอย่างดี เพื่อให้เหมาะกับแต่ละบุคคล

ห้องผ่าตัดปลอดเชื้อ มาตรฐานระดับโรงพยาบาล

  • อุปกรณ์และเครื่องมือทุกชิ้นผ่านการฆ่าเชื้ออย่างเข้มงวด
  • ลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ ให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างปลอดภัยสูงสุด

บริการติดตามผลหลังผ่าตัด ดูแลอย่างใกล้ชิด

  • ทีมแพทย์ให้คำปรึกษาและติดตามผลหลังทำ เพื่อให้แน่ใจว่าคนไข้ฟื้นตัวได้ดี
  • ตรวจเช็กอาการ และแนะนำการดูแลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

รีวิวจากผู้ใช้จริงเพียบ!

  • ภาพและวิดีโอจากผู้ใช้จริง ไม่มีการตกแต่ง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่แท้จริง
  • มีรีวิวมากมายให้ดูเพื่อเพิ่มความมั่นใจ

ปรึกษาคุณหมอฟรี!

ติดต่อผ่าน Facebook และ Instagram หรือ Walk-in เข้ามาที่คลินิก ไม่มีค่าใช้จ่าย

สนใจเติมปลูกผมถาวร: 42G Clinic ปลูกผม

หมวดหมู่ : ทั่วไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

pmed clinic6
การเสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนซี่โครงคืออะไร? ปลอดภัยแค่ไหน เหมาะกับใคร?
ในโลกของศัลยกรรมจมูกในปัจจุบัน การเสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนซี่โครง (Rib Cartilage Nose Augmentation) ถ...
เสริมจมูกที่ไหนดี
รวมมาให้แล้ว! ก่อนเสริมจมูกต้องรู้อะไรบ้าง? พร้อมสถานที่ทำจมูก (อัปเดต 2025)
สวัสดีครับวันนี้หมอจะมาอธิบายเกี่ยวกับการเสริมจมูกให้ทุกท่านได้ทราบกันครับ การเสริมจมูกเป็นศัลยกรรมท...
ฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แตกต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนดี (2025)
ฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา: ปัญหาใต้ตาคล้ำ ร่องลึก หรือดูโทรมเป็นสิ่งที่หลายคนกังวล เพราะทำให...
3-20200316-9505
เสริมจมูกแบบ Open กับ Close ต่างกันยังไง? เลือกแบบไหนดีให้เหมาะกับจมูกคุณ [อัปเดต 2025]
หากคุณกำลังคิดจะเสริมจมูก หรือมีแพลนจะแก้จมูกในเร็วๆ นี้ คำถามยอดฮิตที่หลายคนสงสัยก็คือ “ควรเลือกเสร...
เสริมจมูกกับการแก้จมูก
เสริมจมูกกับการแก้จมูก: ต่างกันอย่างไร? ทุกอย่างที่คุณควรรู้ (อัปเดต 2025)
ใครๆก็อยากมีทรงจมูกที่รับเข้ากับใบหน้าการศัลยกรรมเสริมจมูก และแก้จมูกเป็นทางออกที่ช่วยให้คุณสมหวังกั...
เติมไขมันหลังดึงหน้า
เติมไขมันหลังดึงหน้า แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยในวัย 50+ คืนความอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
เมื่อพูดถึงการทำศัลยกรรมดึงหน้าหลายคนอาจเข้าใจว่าการยกกระชับผิวเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่ความจ...