เสริมจมูกแบบ Open คืออะไร? รวมทุกข้อที่ควรรู้พร้อมข้อดีข้อเสีย

เสริมจมูกแบบ Open

ใบหน้าที่ดูสมดุลและสวยงามไม่ใช่เพียงแค่มีองค์ประกอบที่ดีแยกกันแต่ทุกส่วนต้องเสริมกันอย่างลงตัว จมูกเป็นศูนย์กลางของใบหน้า และมีบทบาทสำคัญต่อสัดส่วนโดยรวม หากจมูกมีรูปทรงที่เหมาะสมก็จะช่วยให้ดวงตา โหนกแก้ม และริมฝีปากดูโดดเด่นขึ้นได้ ในทางกลับกันหากจมูกไม่ได้สัดส่วนหรือมีปัญหาเรื่องโครงสร้างเช่นจมูกเบี้ยว ฐานจมูกกว้าง หรือปลายจมูกไม่สมส่วนก็อาจทำให้ใบหน้าโดยรวมดูไม่สมดุลได้

ศัลยกรรมเสริมจมูกจึงเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยให้ใบหน้าดูสมดุลมากขึ้นและหนึ่งในเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันคือ เสริมจมูกแบบ Open ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถปรับแต่งโครงสร้างภายในจมูกได้อย่างละเอียดทำให้สามารถแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างและออกแบบทรงจมูกให้เหมาะสมกับใบหน้าของแต่ละคน วันนี้หมอจะมาอธิบายเกี่ยวกับเทคนิคเสริมจมูกแบบ Open ให้ทุกท่านได้ทราบกันครับว่ามันคืออะไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไรและใครบ้างที่เหมาะกับเทคนิคนี้

ปัญหาจมูกที่พบได้บ่อยในชาวเอเชีย

โครงสร้างจมูกของชาวเอเชียมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากชาวตะวันตกซึ่งมักมีปัญหาหลัก ๆ อยู่ไม่กี่ข้อ โดยส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับโครงสร้างที่อ่อน และฐานจมูกที่ค่อนข้างกว้างทำให้สัดส่วนใบหน้าไม่คมชัด

  1. สันจมูกต่ำและฐานจมูกกว้าง
    ปัญหานี้เป็นลักษณะที่พบได้ทั่วไปในชาวเอเชียโดยส่วนใหญ่จะมีสันจมูกต่ำทำให้ใบหน้าดูแบนและขาดมิติ ฐานจมูกที่กว้างทำให้โครงหน้าโดยรวมไม่ดูเรียวคมซึ่งอาจต้องใช้เทคนิคเสริมจมูกที่ช่วยเพิ่มความสูงของสันจมูกและทำให้โครงสร้างจมูกมีมิติขึ้น
  2. ปลายจมูกสั้นหรือเชิดขึ้น
    อีกหนึ่งปัญหาที่พบได้บ่อยคือปลายจมูกสั้นหรือปลายจมูกเชิดซึ่งทำให้เห็นรูจมูกชัดเจนเกินไป บางกรณีอาจดูเป็นทรงชมพู่ทำให้ใบหน้าขาดความสมดุล การแก้ไขมักต้องใช้กระดูกอ่อนจากร่างกาย เช่น กระดูกอ่อนหลังหู หรือกระดูกซี่โครงเพื่อช่วยยืดปลายจมูกให้ดูยาวขึ้น และสมส่วนกับใบหน้า
  3. เนื้อจมูกหนาและปีกจมูกบาน
    ลักษณะจมูกของชาวเอเชียมักมีเนื้อจมูกที่หนากว่าชาวตะวันตกทำให้จมูกดูอวบอิ่มหรือดูใหญ่เมื่อเทียบกับใบหน้า ปีกจมูกที่กว้างอาจทำให้รูปทรงจมูกดูไม่เรียวสวย ในบางกรณีอาจต้องมีการตัดแต่งปีกจมูกร่วมกับการเสริมจมูกเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด

การแก้ไขปัญหาเหล่านี้สามารถทำได้ด้วยเทคนิคเสริมจมูกแบบ Open ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถปรับแต่งโครงสร้างภายในจมูกได้ละเอียดมากขึ้นลดข้อจำกัดในการแก้ไขปัญหาจมูกที่ซับซ้อนและทำให้ทรงจมูกดูเป็นธรรมชาติและเข้ากับใบหน้ามากขึ้นครับ

สนใจเสริมจมูกแบบโอเพ่น: Pmed Clinic เสริมจมูก

เสริมจมูกแบบโอเพ่น คืออะไร?

การเสริมจมูกแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty) เป็นเทคนิคการศัลยกรรมจมูกที่ช่วยให้แพทย์สามารถเข้าถึงโครงสร้างภายในจมูกได้อย่างละเอียดด้วยการเปิดแผลที่ฐานจมูกระหว่างรูจมูกทั้งสองข้าง วิธีนี้ช่วยให้แพทย์สามารถปรับแต่งกระดูกอ่อน แก้ไขปัญหาโครงสร้าง และเพิ่มความแข็งแรงของฐานจมูกได้อย่างเต็มที่ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างจมูกทั้งหมดหรือเคสที่มีปัญหาจมูกจากการเสริมครั้งก่อนและต้องการแก้ไขให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

ข้อได้เปรียบหลักของเทคนิคโอเพ่นคือ แพทย์สามารถมองเห็นโครงสร้างภายในได้ชัดเจนทำให้สามารถปรับแต่งจมูกได้ละเอียดและแม่นยำมากกว่าการเสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty) ซึ่งมีข้อจำกัดมากกว่า อย่างไรก็ตามการเสริมจมูกแบบโอเพ่นอาจมีระยะเวลาพักฟื้นที่นานกว่าและมีอาการบวมช้ำมากขึ้นในช่วงแรกแต่ด้วยผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นทางเลือกที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาจมูกในระดับโครงสร้างครับ

บทความน่ารู้ เสริมจมูกกับการแก้จมูก: ต่างกันอย่างไร? ทุกอย่างที่คุณควรรู้ (อัปเดต 2025)

การเสริมจมูกแบบโอเพ่นมีแบบไหนบ้าง?

การเสริมจมูกแบบโอเพ่นสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้ และวัสดุที่นำมาเสริม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมกับปัญหาและโครงสร้างจมูกของแต่ละบุคคล ซึ่งประเภทหลัก ๆ มีดังนี้:

  1. เสริมจมูกแบบโอเพ่นด้วยซิลิโคน – เป็นการใช้ซิลิโคนในการเสริมโครงสร้างของสันจมูกโดยแพทย์จะเหลาซิลิโคนให้เข้ากับโครงหน้า และใช้เทคนิคโอเพ่นเพื่อให้สามารถปรับแต่งได้อย่างละเอียดเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความโด่งของสันจมูกแต่ยังคงดูเป็นธรรมชาติ
  2. เสริมจมูกแบบโอเพ่นด้วยกระดูกอ่อนหลังหู – เทคนิคนี้ใช้กระดูกอ่อนจากร่างกายของคนไข้เองโดยเฉพาะจากบริเวณหลังหูเพื่อนำมาเสริมที่ปลายจมูกช่วยลดความเสี่ยงในการทะลุของซิลิโคนและให้สัมผัสที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปลายจมูกบางหรือเคยมีปัญหาจมูกทะลุมาก่อน
  3. เสริมจมูกแบบโอเพ่นด้วยกระดูกซี่โครง – เทคนิคนี้ใช้กระดูกซี่โครงของคนไข้มาเสริมเป็นโครงสร้างจมูกทั้งหมดเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขโครงสร้างจมูกอย่างสมบูรณ์หรือผู้ที่มีจมูกผิดรูปจากอุบัติเหตุ รวมถึงผู้ที่ต้องการทรงจมูกที่แข็งแรงและดูเป็นธรรมชาติในระยะยาว
  4. เสริมจมูกแบบโอเพ่นร่วมกับการตัดแต่งปีกจมูก – ในบางกรณีนอกจากการเสริมจมูกแล้ว ยังต้องมีการตัดแต่งปีกจมูกให้เล็กลงหรือแคบลงเพื่อให้จมูกดูสมส่วนกับใบหน้ามากขึ้น เทคนิคนี้เหมาะกับผู้ที่มีฐานจมูกกว้างหรือปีกจมูกบาน

การเลือกเทคนิคที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับโครงสร้างจมูกของแต่ละคนและความต้องการของคนไข้แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อให้ได้รับการวิเคราะห์และเลือกเทคนิคที่ตอบโจทย์ที่สุดครับ

บทความน่ารู้ รวมมาให้แล้วเสริมจมูก ต้องรู้อะไรบ้าง ทำที่ไหนดี (อัปเดต 2025)

ใครบ้างเหมาะกับการเสริมจมูกแบบโอเพ่น?

  1. ผู้ที่ต้องการแก้ไขโครงสร้างจมูกอย่างละเอียด – เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาจมูกที่ต้องการปรับแต่งในเชิงโครงสร้างไม่ว่าจะเป็นการยืดปลายจมูก เสริมฐานจมูก หรือแก้ไขรูปทรงให้สมดุลกับใบหน้า
  2. ผู้ที่มีปัญหาจากการเสริมจมูกครั้งก่อน – หากเคยเสริมจมูกมาแล้วแต่มีปัญหาเช่นซิลิโคนเอียง ปลายจมูกบางหรือเกิดพังผืด การแก้ไขด้วยเทคนิคโอเพ่นจะช่วยให้แพทย์สามารถปรับแต่งภายในได้อย่างละเอียดมากขึ้น
  3. ผู้ที่ต้องการใช้กระดูกอ่อนของตัวเองในการเสริมจมูก – เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยงจากการใช้ซิลิโคนล้วน และต้องการความเป็นธรรมชาติ โดยสามารถใช้กระดูกอ่อนหลังหูหรือกระดูกซี่โครงในการเสริมได้
  4. ผู้ที่มีปัญหาปลายจมูกเชิดหรือจมูกสั้น – เทคนิคโอเพ่นช่วยให้สามารถยืดปลายจมูกให้ดูยาวขึ้นได้โดยการใช้กระดูกอ่อนเสริมเพื่อให้ได้รูปทรงที่สวยงามและเป็นธรรมชาติ
  5. ผู้ที่ต้องการจมูกที่แข็งแรงและอยู่ได้นาน – เทคนิคนี้ช่วยให้ผลลัพธ์คงทนและแข็งแรงกว่าการเสริมจมูกแบบปิดเนื่องจากสามารถเสริมโครงสร้างภายในให้แข็งแรงขึ้นได้อย่างเหมาะสม

หากคุณกำลังมองหาการเสริมจมูกที่ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด เทคนิคโอเพ่นอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดครับ

วิธีเลือกรูปทรงจมูกให้เข้ากับใบหน้า

การเลือกรูปทรงจมูกที่เหมาะสมกับใบหน้าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจมูกเป็นจุดศูนย์กลางที่ช่วยเสริมให้ใบหน้าดูสมดุลมากขึ้น หลักการที่นิยมใช้ในการออกแบบรูปทรงจมูกให้เข้ากับใบหน้าคือการคำนวณตามสัดส่วนที่สมดุลที่สุดซึ่งอยู่ที่ อัตราส่วน 1:1:1 โดยแบ่งระยะจากหน้าผากถึงปลายจมูกและจากปลายจมูกถึงคางให้มีสัดส่วนที่เท่ากัน

  • ความยาวของจมูก ควรมีความยาวประมาณ 1 ใน 3 ของใบหน้าซึ่งเป็นสัดส่วนที่ช่วยให้จมูกดูสมดุลกับองค์ประกอบอื่นๆไม่สั้นหรือยาวจนเกินไป
  • องศาของจมูก ควรมีมุมอยู่ที่ประมาณ 90-105 องศา โดยวัดจากมุมระหว่างจมูกและริมฝีปากบน ซึ่งจะทำให้ทรงจมูกดูรับกับโครงหน้าและให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติ

นอกจากหลักการคำนวณตามสัดส่วนแล้ว การเลือกทรงจมูกที่เหมาะสมยังขึ้นอยู่กับโครงสร้างใบหน้าของแต่ละคนเช่นคนที่มีใบหน้าเรียวยาวอาจเหมาะกับจมูกที่มีปลายพุ่งเล็กน้อยเพื่อให้ใบหน้าดูสมดุล ส่วนคนที่มีใบหน้ากลมอาจเลือกทรงที่มีสโลปเล็กน้อยเพื่อลดความโดดเด่นของจมูกและทำให้ใบหน้าดูละมุนขึ้น ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวิเคราะห์โครงหน้าและเลือกทรงจมูกที่เหมาะสมกับลักษณะของใบหน้าแต่ละบุคคลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและเป็นธรรมชาติที่สุดครับ

ขั้นตอนการเสริมจมูกแบบโอเพ่น

การเสริมจมูกแบบโอเพ่นเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์และการเตรียมตัวที่ดีของคนไข้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัย โดยมีขั้นตอนดังนี้:

  1. การประเมินและวางแผนการผ่าตัด – แพทย์จะทำการประเมินโครงสร้างจมูกของคนไข้ พร้อมพูดคุยเกี่ยวกับความต้องการและทรงจมูกที่เหมาะสมกับใบหน้ารวมถึงอธิบายขั้นตอนการผ่าตัดเพื่อให้คนไข้เข้าใจถึงกระบวนการและผลลัพธ์ที่คาดหวังได้
  2. การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด – คนไข้ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น งดอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัดเพื่อให้แผลสมานตัวได้ดี
  3. ขั้นตอนการผ่าตัด – แพทย์จะทำการเปิดแผลบริเวณฐานจมูกระหว่างรูจมูกทั้งสองข้างแล้วค่อยๆแยกเนื้อเยื่อออกเพื่อเปิดเผยโครงสร้างภายใน จากนั้นทำการปรับแต่งกระดูกอ่อน \ฐานจมูกหรือเสริมโครงสร้างด้วยวัสดุที่เลือกใช้เช่นซิลิโคน กระดูกอ่อนหลังหู หรือกระดูกซี่โครง ตามความเหมาะสมของคนไข้
  4. การเย็บปิดแผลและตกแต่งทรงจมูก – เมื่อโครงสร้างจมูกได้รับการปรับแต่งเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะทำการเย็บปิดแผลอย่างประณีตและปรับแต่งปลายจมูกให้ได้ทรงที่สวยงาม พร้อมติดเฝือกพยุงจมูกเพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของวัสดุเสริม
  5. การดูแลหลังผ่าตัด – คนไข้ต้องดูแลตนเองอย่างเคร่งครัดตามคำแนะนำของแพทย์เช่น ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกระแทกจมูก งดออกกำลังกายหนักและนอนศีรษะสูงในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกเพื่อช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
  6. การติดตามผลและเข้าพบแพทย์ตามนัด – แพทย์จะนัดหมายเพื่อตรวจติดตามผลการผ่าตัดในช่วง 1-3 เดือนแรกเพื่อให้แน่ใจว่าจมูกเข้าที่และไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆหากมีปัญหาเกิดขึ้น แพทย์จะสามารถให้คำแนะนำและดูแลได้ทันที

เสริมจมูกแบบโอเพ่น อันตรายไหม?

การเสริมจมูกแบบโอเพ่นเป็นเทคนิคที่ปลอดภัย หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานอย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับการผ่าตัดอื่นๆก็มีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเด็นหลักได้แก่ภาวะแทรกซ้อนทั่วไปและภาวะแทรกซ้อนเฉพาะบุคคล

  1. ภาวะแทรกซ้อนทั่วไป – หลังการผ่าตัดคนไข้อาจมีอาการบวมและช้ำมากกว่าการเสริมจมูกแบบปิดเนื่องจากเป็นการเปิดแผลขนาดใหญ่กว่าแต่โดยทั่วไป อาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 2-4 สัปดาห์ หากปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนก็จะลดลงมาก
  2. ภาวะแทรกซ้อนเฉพาะบุคคล – ในบางกรณีอาจเกิดอาการติดเชื้อ มีเลือดคั่งหรือเกิดพังผืดภายในจมูกซึ่งอาจทำให้จมูกผิดรูปได้ นอกจากนี้หากไม่ได้รับการดูแลที่ดีพอหรือใช้เทคนิคที่ไม่เหมาะสม อาจมีปัญหาเรื่องการหายใจหรือจมูกดูแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงเหล่านี้สามารถลดลงได้หากเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการเสริมจมูกแบบโอเพ่นและปฏิบัติตามข้อแนะนำหลังการผ่าตัดอย่างเคร่งครัดครับ

ข้อดีของการเสริมจมูกแบบ Open

  1. สามารถปรับแต่งโครงสร้างจมูกได้ละเอียด – เทคนิคโอเพ่นช่วยให้แพทย์สามารถเข้าถึงกระดูกอ่อนและฐานจมูกได้อย่างชัดเจนทำให้สามารถแก้ไขปัญหาจมูกที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเช่นจมูกเบี้ยว ฐานจมูกกว้างหรือปลายจมูกที่ไม่ได้สัดส่วน
  2. เหมาะสำหรับการแก้ไขจมูกที่เคยทำมาแล้ว – หากเคยเสริมจมูกมาแล้วแต่ไม่พอใจกับผลลัพธ์หรือมีปัญหาจากการเสริมครั้งก่อนเช่นซิลิโคนเอียง ปลายจมูกบาง หรือมีพังผืด การใช้เทคนิคโอเพ่นจะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างแม่นยำ
  3. สามารถใช้กระดูกอ่อนของตัวเองในการเสริมได้ – เทคนิคโอเพ่นสามารถใช้กระดูกอ่อนจากร่างกายของคนไข้เช่นกระดูกอ่อนหลังหูหรือกระดูกซี่โครงมาเสริมปลายจมูกแทนซิลิโคน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการทะลุและมีความปลอดภัยมากขึ้นเนื่องจากว่าใช้ซี่โครงของคนไข้เอง
  4. ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและเข้ากับใบหน้า – เนื่องจากแพทย์สามารถปรับแต่งโครงสร้างภายในจมูกได้อย่างอิสระ จึงสามารถออกแบบทรงจมูกให้เหมาะสมกับสัดส่วนของใบหน้าได้ดีกว่าเทคนิคแบบปิดทำให้จมูกดูสวยเป็นธรรมชาติและเข้ากับรูปหน้าได้มากขึ้น
  5. เพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงสร้างจมูก – การเสริมจมูกแบบโอเพ่นสามารถช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับฐานจมูกได้โดยเฉพาะในเคสที่มีโครงสร้างจมูกอ่อนหรือผู้ที่ต้องการให้จมูกมีความมั่นคงมากขึ้น ลดโอกาสที่จมูกจะผิดรูปในอนาคต

เนื่องจากเทคนิคโอเพ่นเป็นการศัลยกรรมที่สามารถปรับแต่งโครงสร้างจมูกได้อย่างละเอียด จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาจมูกในระดับโครงสร้างหรือผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่สวยงามและมั่นคงในระยะยาว อย่างไรก็ตามควรเลือกทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์และอยู่ในคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและน่าพอใจครับ

ข้อควรระวังของการเสริมจมูกแบบ Open

  1. ระยะเวลาพักฟื้นของแบบเปิดกว่าการแบบปิด – เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่ต้องเปิดโครงสร้างจมูกทั้งหมดทำให้เกิดอาการบวมช้ำเหมือนปกติปกติและต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์กว่าจมูกจะเข้าที่ 
  2. มีรอยแผลบริเวณฐานจมูก – ถึงแม้รอยแผลจากการผ่าตัดจะอยู่บริเวณฐานจมูกที่ไม่สังเกตเห็นง่ายแต่ก็ต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่ารอยแผลจะจางลงจนแทบมองไม่เห็น โดยขึ้นอยู่กับการดูแลแผลและสภาพผิวของแต่ละบุคคล
  3. ความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน – เช่นการติดเชื้อ มีเลือดคั่ง หรือเกิดพังผืดภายในจมูกซึ่งอาจทำให้รูปทรงจมูกผิดรูปหรือมีปัญหาในการหายใจได้ หากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้องหรือเลือกทำกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์เพียงพอ
  4. ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการเสริมจมูกแบบปิด – เนื่องจากเป็นเทคนิคที่ต้องใช้ความชำนาญสูงและอาจต้องใช้วัสดุเสริมเพิ่มเติมเช่นกระดูกอ่อนจากตัวเองทำให้ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการเสริมจมูกแบบทั่วไปโดยอาจมีราคาต่างกันขึ้นอยู่กับคลินิกและเทคนิคที่ใช้

อาการแบบไหนควรรีบพบแพทย์

  1. อาการบวมแดงและเจ็บมากผิดปกติ – หากอาการบวมและเจ็บไม่ดีขึ้นภายใน 3-5 วันหรือมีอาการแย่ลงอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อที่ต้องได้รับการรักษาทันทีเพื่อป้องกันการลุกลามของอาการอักเสบ
  2. มีเลือดออกจากแผลไม่หยุด – หากมีเลือดออกจากแผลผ่าตัดต่อเนื่องหรือมากผิดปกติควรรีบติดต่อแพทย์เพื่อตรวจสอบและให้การรักษาอย่างเหมาะสมเพราะอาจเป็นสัญญาณของเส้นเลือดฉีกขาดภายใน

การเตรียมตัวก่อนการเสริมจมูกแบบ Open

  1. ปรึกษาแพทย์และวางแผนการผ่าตัด – ควรเข้าพบแพทย์เพื่อประเมินโครงสร้างจมูกและพูดคุยเกี่ยวกับทรงจมูกที่ต้องการ แพทย์จะช่วยแนะนำทรงที่เหมาะสมกับใบหน้าและวางแผนการผ่าตัดให้ตรงกับความต้องการของคนไข้
  2. งดอาหารเสริมและยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด – ควรงดยาแอสไพริน วิตามินอี น้ำมันปลาและอาหารเสริมบางชนิดที่อาจมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัดเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดออกมากระหว่างผ่าตัด
  3. งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ – ควรงดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์เนื่องจากสารนิโคตินและแอลกอฮอล์อาจส่งผลต่อกระบวนการสมานแผลและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  4. เตรียมตัวสำหรับการพักฟื้น – หลังการผ่าตัดจะต้องใช้เวลาพักฟื้นควรจัดเตรียมที่พักที่สะอาดและเงียบสงบ รวมถึงมีผู้ดูแลในช่วงวันแรกๆหลังผ่าตัดเนื่องจากอาจมีอาการบวมและไม่สะดวกต่อการทำกิจวัตรประจำวัน
  5. ทำความสะอาดใบหน้าและงดการแต่งหน้าในวันผ่าตัด – ในวันผ่าตัดควรล้างหน้าให้สะอาดและงดการใช้เครื่องสำอางหรือครีมบำรุงผิวบริเวณจมูกและใบหน้าเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกที่อาจทำให้เกิดการติดเชื้อหลังการผ่าตัด

การดูแลหลังเสริมจมูกแบบ Open

  1. ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม – ในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังการผ่าตัดควรใช้ถุงประคบเย็นวางบริเวณรอบๆจมูกและใบหน้าเพื่อลดอาการบวมและช้ำได้เร็วขึ้น
  2. นอนศีรษะสูงและหลีกเลี่ยงการนอนตะแคง – ควรนอนโดยใช้หมอนรองศีรษะให้อยู่สูงกว่าระดับหัวใจและหลีกเลี่ยงการนอนตะแคงอย่างน้อย 2 สัปดาห์เพื่อป้องกันแรงกดที่อาจทำให้จมูกผิดรูป
  3. งดสัมผัสหรือกดจมูกแรง ๆ – หลีกเลี่ยงการจับหรือกดแรงๆบริเวณจมูกในช่วงสัปดาห์แรกหลังผ่าตัดเพื่อลดโอกาสที่โครงสร้างจมูกจะเปลี่ยนรูปหรือเกิดการอักเสบ
  4. รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง – ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการรับประทานยาปฏิชีวนะและยาแก้ปวดอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดอาการปวด
  5. งดออกกำลังกายหนักและหลีกเลี่ยงความร้อน – ควรงดการออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือนและหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิสูงเช่นซาวน่า หรืออาบน้ำร้อนจัดเพราะอาจทำให้จมูกบวมมากขึ้น
  6. ทำความสะอาดแผลตามคำแนะนำของแพทย์ – ควรทำความสะอาดแผลบริเวณฐานจมูกตามที่แพทย์แนะนำและหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์หรือสารเคมีรุนแรงบริเวณแผล
  7. เข้าพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามอาการ – หลังผ่าตัดควรเข้าพบแพทย์ตามกำหนดนัดหมายเพื่อตรวจสอบการสมานแผลและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในช่วงพักฟื้น
  8. ยึดฐานกระดูกด้วยซี่โครง: สำหรับเคสที่มีปัญหาบ่อยๆหรือเป็นเคสแก้

การเตรียมตัวก่อนและดูแลหลังเสริมจมูกแบบ Open เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่ช่วยให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่นและให้ผลลัพธ์ที่ดี การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดจะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนและช่วยให้จมูกเข้าที่ได้เร็วขึ้นครับ

รีวิวเสริมจมูก Open ที่ PMED Clinic

ที่ PMED Clinic การเสริมจมูกแบบ Open ได้รับความไว้วางใจจากคนไข้จำนวนมากเนื่องจากเป็นเทคนิคที่ช่วยปรับโครงสร้างจมูกได้อย่างละเอียด ทำให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติและเข้ากับใบหน้ามากที่สุด รีวิวจากคนไข้ที่เข้ารับบริการต่างชื่นชมว่าคุณหมอต้นมีความเชี่ยวชาญสูง มือเบาและให้คำแนะนำที่ละเอียด ทำให้รู้สึกมั่นใจตั้งแต่ก่อนผ่าตัดจนถึงการดูแลหลังผ่าตัด

ทำไมต้องเสริมจมูกแบบ Open กับ PMED

ที่ PMED Clinic เราให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ที่ออกมาดูเป็นธรรมชาติและเข้ากับใบหน้าของคนไข้มากที่สุดโดยใช้เทคนิคเสริมจมูกแบบ Open Reconstruction ที่ช่วยแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างได้อย่างลึกซึ้งและปรับทรงจมูกให้เหมาะกับแต่ละบุคคลมากที่สุดโดยมีเทคนิคเฉพาะที่ใช้เพิ่มเติม ได้แก่:

  1. การตอกฐานจมูก (Nose Osteotomy) – สำหรับผู้ที่มีฐานจมูกกว้างหรือจมูกเบี้ยวเอียง การตอกฐานจะช่วยปรับโครงสร้างให้แคบและเรียวขึ้น ทำให้จมูกดูสมดุลกับใบหน้ามากขึ้น
  2. ซิลิโคนอเมริกา (USA Silicone Implant Grade) – ใช้ซิลิโคนเกรดพรีเมียมที่มีความบริสุทธิ์และความปลอดภัยสูง สามารถอยู่ในร่างกายได้ตลอดชีวิตพร้อมการเหลามือแบบเคสต่อเคส เพื่อให้ทรงจมูกเข้ากับโครงหน้าของแต่ละคนมากที่สุด
  3. ปลายหยดน้ำด้วยกระดูกอ่อนหลังใบหู (Ear Cartilage) และรองปลายด้วยเนื้อเยื่อหลังหู (Ear Tissue) – เทคนิคนี้ช่วยให้ปลายจมูกดูยาวและมีความละมุน ลดโอกาสปลายจมูกบางหรือทะลุจากการใช้ซิลิโคนเพียงอย่างเดียว
  4. การปรับฐานจมูก – เทคนิคเฉพาะที่ช่วยให้แพทย์สามารถเลาะเนื้อ เลาะไขมัน ตอกฐาน และตะไบฮัมพ์ได้อย่างละเอียด ทำให้สามารถล็อกซิลิโคนให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ลดปัญหาซิลิโคนเคลื่อนตัวหรือเอียงได้
  5. แก้ไขโครงสร้างยืดผนังกั้นจมูก – สำหรับผู้ที่มีจมูกสั้น จมูกงุ้ม หรือเนื้อจมูกน้อย เทคนิคนี้ช่วยให้จมูกโด่งพุ่งขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้ซิลิโคนที่ปลายจมูกหมดกังวลเรื่องปลายทะลุในอนาคต
  6. ตัดปีกจมูกด้วยเทคนิคเฉพาะ PMED – ช่วยให้ปีกจมูกดูสมส่วนและเข้ากับใบหน้าโดยคำนึงถึงความเป็นธรรมชาติไม่ให้เห็นรอยแผลเป็นเด่นชัด
  7. ตะไบฮัมพ์ – สำหรับคนที่มีฮัมพ์จมูกสูง การตะไบจะช่วยให้วางซิลิโคนได้แนบสนิทลดปัญหาซิลิโคนกระดกหรือเอียงในอนาคต

ทำไมต้องเลือก PMED Clinic?

  • ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ – โดยเฉพาะคุณหมอต้นที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปีในการศัลยกรรมจมูกและการแก้ไขจมูกที่ซับซ้อน
  • เทคนิคเฉพาะที่ออกแบบตามปัญหาของแต่ละบุคคล – ไม่ใช่เพียงแค่เสริมความโด่งแต่ยังช่วยแก้ไขปัญหาโครงสร้างเพื่อผลลัพธ์ที่สวยงามและเป็นธรรมชาติ
  • เครื่องมือและเทคโนโลยีทันสมัย – ห้องผ่าตัดที่ได้มาตรฐานและอุปกรณ์คุณภาพสูงเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
  • การดูแลหลังทำอย่างใกล้ชิด – รับประกันดูแลผลลัพธ์ 6 เดือน – 1 ปี พร้อมให้คำแนะนำและติดตามอาการอย่างละเอียด

หากคุณกำลังมองหาคลินิกที่สามารถปรับโครงสร้างจมูก PMED Clinic พร้อมให้บริการด้วยเทคนิคที่ทันสมัยและความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์ครับ

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปลูกผม: 42G Clinic การปลูกผม

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top