
จมูกเป็นศูนย์กลางของใบหน้าและมีบทบาทสำคัญในการกำหนดมิติของใบหน้าโดยรวม การเสริมจมูกเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงจมูกให้ดูสมดุลและเหมาะกับโครงหน้าของตนเองแต่หลายคนอาจไม่ทราบว่าการเสริมจมูกนั้นมีหลากหลายแบบ และแต่ละแบบก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป วันนี้หมอจะมาอธิบายให้ทุกท่านได้ทราบกันครับว่ามีทรงจมูกมีกี่แบบ ราคาเท่าไหร่ และแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียอย่างไรเพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถเลือกทรงจมูกที่เหมาะสมกับตัวเองได้ครับ
การเลือกทรงจมูกที่ดีควรพิจารณาทั้งในแง่ของความสวยงาม ความปลอดภัย และความเข้ากับใบหน้าของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นทรงสโลปปลายพุ่ง ทรงสายฝอ หรือทรงธรรมชาติ การเข้าใจข้อดีข้อเสียของแต่ละแบบจะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้นและได้รับผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการมากที่สุดครับ
1. เสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty)
การเสริมจมูกแบบปิดเป็นเทคนิคที่มีมาอย่างยาวนาน และได้รับความนิยมสูงเนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่มีแผลขนาดเล็กและซ่อนอยู่ภายในรูจมูก วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความโด่งของสันจมูกโดยไม่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในมากนัก ศัลยแพทย์จะทำการเปิดแผลภายในโพรงจมูกเพื่อใส่ซิลิโคนหรือวัสดุเสริมเข้าไปจากนั้นทำการปรับแต่งให้เข้ากับโครงสร้างจมูกของแต่ละบุคคล
การเสริมจมูกแบบปิดเป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมจมูกเพื่อเพิ่มความโด่งหรือปรับรูปร่างของจมูกในระดับเบื้องต้นโดยไม่ต้องการการผ่าตัดใหญ่ ข้อดีของวิธีนี้คือไม่มีแผลภายนอกและอาการบวมช้ำน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิดเนื่องจากเนื้อเยื่อได้รับการกระทบกระเทือนน้อยกว่า
- ข้อดี: แผลหายเร็ว ไม่มีแผลเป็นภายนอก พักฟื้นไม่นาน โอกาสบวมช้ำน้อยกว่าวิธีอื่น
- ข้อเสีย: ไม่สามารถแก้ไขโครงสร้างภายในของจมูกได้มากนักเหมาะกับการเพิ่มความโด่งเท่านั้น ไม่สามารถปรับปลายจมูกได้อย่างละเอียด
สนใจเสริมจมูก: Pmed Clinic เสริมจมูก
2. เสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty)
การเสริมจมูกแบบเปิดเป็นการผ่าตัดที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขโครงสร้างจมูกโดยละเอียดเช่น การแก้ไขจมูกเบี้ยว การลดขนาดปีกจมูก การปรับแต่งปลายจมูกให้ดูสมดุลและการเสริมจมูกสำหรับคนที่มีปัญหาจมูกผิดรูป โดยแพทย์จะทำการเปิดแผลบริเวณฐานจมูกระหว่างรูจมูกทั้งสองข้างแล้วเปิดเผยโครงสร้างภายในจมูกเพื่อทำการปรับแต่งโดยตรง
เทคนิคนี้ช่วยให้ศัลยแพทย์สามารถเห็นโครงสร้างของจมูกได้ชัดเจนและสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้อย่างแม่นยำเช่นการลดฮัมพ์จมูก การปรับฐานจมูกหรือการเสริมกระดูกอ่อนเพื่อรองปลายจมูกให้มีความแข็งแรงขึ้น แม้ว่าการผ่าตัดแบบเปิดจะใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าวิธีปิดแต่อาการบวมช้ำจะค่อยๆลดลงภายใน 1-2 สัปดาห์ และแผลที่ฐานจมูกสามารถซ่อนอยู่ตามรอยพับของจมูกได้ทำให้ไม่เป็นที่สังเกตง่าย
- ข้อดี: สามารถแก้ไขโครงสร้างจมูกได้อย่างละเอียดปรับแต่งทรงจมูกได้ดีกว่าเหมาะสำหรับการแก้จมูกและปรับปลายจมูกให้มีมิติ
- ข้อเสีย: พักฟื้นนานกว่าแบบปิด มีแผลบริเวณฐานจมูกเล็กน้อย อาจมีอาการบวมช้ำมากกว่าวิธีปิด
บทความน่ารู้ เสริมจมูกแบบ Open คืออะไร? รวมทุกข้อที่ควรรู้พร้อมข้อดีข้อเสีย
3. เสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหู
เทคนิคนี้เป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องจากช่วยลดความเสี่ยงจากการทะลุของซิลิโคนโดยใช้กระดูกอ่อนหลังหูมาเสริมที่ปลายจมูกทำให้จมูกดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นและช่วยให้ปลายจมูกมีความยืดหยุ่น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปลายจมูกบางหรือผู้ที่ต้องการให้จมูกดูสวยละมุนมากขึ้น
กระดูกอ่อนหลังหูมีลักษณะเป็นแผ่นบางและมีความโค้งตามธรรมชาติคล้ายกับรูปทรงของชามตื้น ๆ ซึ่งเป็นลักษณะที่ช่วยให้เมื่อใช้เสริมปลายจมูกแล้วจะทำให้ได้ทรงที่มีความโค้งมนสวยงามไม่เป็นเหลี่ยมหรือแข็งกระด้างเหมือนซิลิโคนทั่วไป อีกทั้งเนื้อกระดูกอ่อนยังมีความยืดหยุ่นสูงทำให้ปลายจมูกสามารถขยับได้ตามธรรมชาติมากขึ้นไม่ดูแข็งทื่อหรือลอยออกจากรูปหน้า การใช้กระดูกอ่อนหลังหูจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการให้จมูกดูสมูทและกลมกลืนกับใบหน้า
แพทย์จะทำการเก็บกระดูกอ่อนจากบริเวณหลังหูซึ่งแผลจะอยู่ในตำแหน่งที่ซ่อนเร้นทำให้มองไม่เห็นแผลชัดเจน นอกจากนี้ยังสามารถใช้ร่วมกับการเสริมซิลิโคนหรือเทคนิคอื่นๆเพื่อให้ได้ทรงที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
- ข้อดี: ลดความเสี่ยงจากการทะลุ ให้ปลายจมูกดูนุ่มเป็นธรรมชาติ ช่วยเสริมความแข็งแรงของโครงสร้างจมูก
- ข้อเสีย: มีรอยแผลเล็กๆบริเวณหลังหูต้องใช้เวลาฟื้นตัวของแผลหลังหูร่วมด้วย อาจต้องมีการเก็บกระดูกอ่อนเพิ่มเติมหากต้องการเสริมจมูกแบบละเอียด
4. เสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนซี่โครง (Rib Cartilage Rhinoplasty)

การเสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนซี่โครงเป็นเทคนิคที่ใช้กระดูกอ่อนจากซี่โครงของตัวเองมาเสริมสร้างโครงสร้างจมูกเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขจมูกแบบถาวรหรือเคยเสริมจมูกมาแล้วเกิดปัญหาจนต้องการปรับแก้ใหม่อย่างสมบูรณ์ วิธีนี้ยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีจมูกสั้น ปลายเชิด หรือเนื้อจมูกบางมากจนไม่สามารถใช้ซิลิโคนหรือกระดูกอ่อนหลังหูได้
กระดูกอ่อนซี่โครงมีความแข็งแรงและยืดหยุ่นกว่ากระดูกอ่อนหลังหู จึงสามารถช่วยสร้างโครงสร้างจมูกที่มั่นคงและให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานกว่า นอกจากนี้กระดูกซี่โครงสามารถนำมาเหลาขึ้นรูปให้เหมาะสมกับใบหน้าได้โดยไม่ต้องพึ่งพาวัสดุสังเคราะห์ วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมจมูกให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด และลดความเสี่ยงจากการแพ้วัสดุภายนอก
ขั้นตอนการผ่าตัดเริ่มจากการนำกระดูกอ่อนจากซี่โครงส่วนล่างของร่างกายซึ่งแพทย์จะเลือกบริเวณที่สามารถซ่อนแผลเป็นได้ดีจากนั้นจะนำกระดูกอ่อนที่ได้มาปรับแต่งและเสริมเข้ากับโครงสร้างจมูกโดยใช้เทคนิคเฉพาะเพื่อให้เข้ากับใบหน้าของแต่ละบุคคลได้ดีที่สุด
ข้อดี: โครงสร้างแข็งแรง อยู่ได้ถาวร ไม่ต้องกังวลเรื่องการทะลุของซิลิโคน สามารถปรับแต่งให้เข้ากับรูปหน้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ข้อเสีย: เป็นการผ่าตัดที่ซับซ้อนและใช้เวลานานกว่าแบบอื่น มีแผลบริเวณหน้าอกที่ต้องดูแลร่วมด้วย
เสริมจมูกที่ PMED Clinic
ที่ PMED Clinic เราให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความเป็นธรรมชาติของผลลัพธ์เป็นอันดับหนึ่งโดยการเลือกใช้วัสดุและเทคนิคที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงาม ดูเป็นธรรมชาติและลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนให้น้อยที่สุด วัสดุที่เราเลือกใช้มีดังนี้:
วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูกที่ PMED Clinic
- กระดูกอ่อนหลังหูและเนื้อเยื่อหลังหู
วัสดุธรรมชาติจากร่างกายของคนไข้เองช่วยเสริมปลายจมูกให้ดูเป็นธรรมชาติและลดความเสี่ยงจากการทะลุของซิลิโคน นิยมใช้ร่วมกับเทคนิคการเสริมจมูกแบบ Open Reconstruction เพื่อให้โครงสร้างจมูกแข็งแรงยิ่งขึ้นเหมาะสำหรับคนที่ต้องการให้ปลายจมูกละมุน ไม่แข็งหรือแหลมจนเกินไป
- กระดูกอ่อนซี่โครง
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมโครงสร้างจมูกใหม่ทั้งหมดหรือมีปัญหาจมูกเดิมที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างละเอียด กระดูกอ่อนซี่โครงให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและอยู่ได้ยาวนานกว่าวัสดุอื่นๆ นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้ที่เคยเสริมจมูกมาก่อนแล้วมีปัญหาหรือมีเนื้อจมูกบางมากจนไม่สามารถใช้ซิลิโคนได้ เหมาะสำหรับคนที่จมูกสั้นหรือฐานสั้นมาก
- ซิลิโคนอเมริกา เกรดพรีเมี่ยม
ซิลิโคนคุณภาพสูงจากอเมริกาผ่านการเหลาปรับแต่งแบบเคสต่อเคสเพื่อให้เข้ากับใบหน้าของคนไข้มากที่สุด ซิลิโคนที่ใช้มีความบริสุทธิ์สูง ปลอดภัยและสามารถอยู่ในร่างกายได้ในระยะยาวอีกทั้งยังลดโอกาสการเกิดพังผืดและการอักเสบในอนาคต
ทำไมต้องเลือกเสริมจมูกที่ PMED Clinic
- คุณหมอต้น นพ.ปิยพล พัฒนครู – ศัลยแพทย์ตกแต่งใบหน้ามืออาชีพและเป็นหนึ่งในคณะกรรมการสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทยด้วยประสบการณ์ที่ยาวนานกว่า 10 ปีในการเสริมจมูกและปรับโครงสร้างใบหน้า ทำให้มั่นใจได้ว่าคนไข้จะได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- บวมช้ำ น้อย – เทคนิคเฉพาะที่ช่วยลดอาการบวมช้ำ ทำให้คนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติเร็วขึ้น เทคนิคที่ใช้ช่วยให้แผลหายไวลดโอกาสเกิดรอยช้ำและช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดูดีตั้งแต่ช่วงพักฟื้นแรก ๆ
- ปรับเทคนิคตามปัญหาแต่ละบุคคล – ศัลยแพทย์จะเลือกเทคนิคและวัสดุที่เหมาะสมกับโครงสร้างจมูกของคนไข้แต่ละราย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดการเสริมจมูกไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามเท่านั้นแต่ต้องคำนึงถึงโครงสร้างและฟังก์ชันของจมูกควบคู่กันไป
- รับประกันดูแลผลลัพธ์ 6 เดือน – 1 ปี – ที่ PMED Clinic เรามีการติดตามผลหลังผ่าตัดและรับประกันดูแลผลลัพธ์ในระยะเวลาที่กำหนด หากเกิดปัญหาใด ๆ สามารถเข้ามาปรึกษาและรับการดูแลเพิ่มเติมได้
- ห้องผ่าตัดมาตรฐานสากล – เราใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและอุปกรณ์ปลอดเชื้อในทุกขั้นตอนของการผ่าตัด เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยสูงสุดห้องผ่าตัดของเราได้รับมาตรฐานระดับโรงพยาบาลขเพื่อให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยที่สุด
PMED Clinic ไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่เสริมจมูกแต่คือคลินิกที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน หากคุณกำลังมองหาการเสริมจมูกที่ปลอดภัย สวยงาม และดูเป็นธรรมชาติ PMED Clinic พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลครับ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเสริมจมูก
- การเสริมจมูกใช้เวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
โดยทั่วไปการพักฟื้นจะใช้เวลาประมาณ 7-14 วัน ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้หากเป็นการเสริมจมูกแบบปิดจะฟื้นตัวเร็วกว่าการเสริมจมูกแบบเปิดและอาการบวมช้ำจะลดลงเร็วขึ้นหากดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์ - เสริมจมูกเจ็บไหม?
ขณะทำการผ่าตัดคนไข้จะได้รับยาชาหรือยาสลบ ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บหลังจากการผ่าตัดอาจมีอาการตึง ๆ หรือบวมเล็กน้อยซึ่งจะค่อยๆดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์และสามารถบรรเทาอาการปวดได้ด้วยยาแก้ปวดตามแพทย์สั่ง - สามารถเลือกทรงจมูกได้เองหรือไม่?
คนไข้สามารถนำแบบจมูกที่ชอบมาให้คุณหมอดูได้แต่ต้องให้คุณหมอประเมินว่าทรงที่เลือกกับพื้นฐานของคนไข้มีพอหรือไหม หรือบางทรงอาจดูดีในภาพถ่ายแต่ไม่เข้ากับโครงสร้างใบหน้าจริง การปรึกษากับแพทย์จึงสำคัญมากเพื่อให้ได้ทรงที่เหมาะกับใบหน้าของแต่ละบุคคล - เสริมจมูกแล้วต้องแก้ใหม่หรือไม่?
หากใช้วัสดุที่เหมาะสมและได้รับการผ่าตัดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จมูกที่เสริมสามารถอยู่ได้ถาวร แต่หากเกิดปัญหาเช่นจมูกเบี้ยว ซิลิโคนลอยหรือปลายจมูกบาง อาจต้องแก้ไขภายหลัง ดังนั้นการเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และเทคนิคที่เหมาะสมจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการลดโอกาสการแก้จมูกในอนาคต - หลังเสริมจมูกสามารถออกกำลังกายได้เมื่อไหร่?
ควรงดออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงมากอย่างน้อย 1 เดือนเพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนของจมูก นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีโอกาสเกิดการกระแทก เช่นการเล่นกีฬาที่ต้องมีการปะทะหรือการก้มศีรษะต่ำเป็นเวลานาน - สามารถนอนตะแคงได้เมื่อไหร่หลังเสริมจมูก?
ควรนอนหงายโดยใช้หมอนรองศีรษะให้สูงประมาณ 30-45 องศาในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัดเพื่อช่วยลดอาการบวมและป้องกันจมูกเบี้ยว หลังจากผ่านไปประมาณ 3-4 สัปดาห์จึงสามารถนอนตะแคงได้ตามปกติ - สามารถแต่งหน้าได้เมื่อไหร่หลังเสริมจมูก?
ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าบริเวณจมูกในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัดเพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดความเสี่ยงจากการกดทับหรือการทำให้จมูกเคลื่อนที่แต่สามารถแต่งหน้าส่วนอื่นของใบหน้าได้ตามปกติ - อาการแบบไหนที่ต้องรีบพบแพทย์หลังเสริมจมูก?
หากมีอาการปวดรุนแรงผิดปกติ มีเลือดไหลออกจากแผลมากกว่าปกติ จมูกบวมแดงและอุ่นผิดปกติหรือมีไข้สูง ควรรีบพบแพทย์ทันทีเพราะอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือภาวะแทรกซ้อนที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์โดยเร็ว - สามารถดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่หลังเสริมจมูกได้หรือไม่?
ควรงดแอลกอฮอล์และบุหรี่อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์หลังเสริมจมูกเพราะแอลกอฮอล์อาจทำให้เลือดไหลเวียนมากขึ้นและทำให้แผลหายช้าลง ขณะที่บุหรี่สามารถทำให้เส้นเลือดหดตัวส่งผลให้เนื้อเยื่อสมานแผลได้ไม่ดีและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดพังผืด
สนในอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปลูกผม: 42G Clinic ปลูกผม