การคงความอ่อนเยาว์ของใบหน้าไม่จำเป็นต้องพึ่งพาแค่สารเติมเต็มสังเคราะห์เสมอไป หนึ่งในวิธีที่ให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติและติดทนนานคือ การฉีดไขมันหน้าเด็ก (Micro Fat Grafting) ซึ่งใช้ไขมันของตัวเองมาเติมเต็มจุดที่ต้องการบนใบหน้า ช่วยให้ดูอิ่มฟู เปล่งปลั่ง และฟื้นฟูผิวให้ดูสุขภาพดีขึ้น แต่หลายคนอาจสงสัยว่า “ฉีดไขมันกับฟิลเลอร์ต่างกันยังไง?” หรือ “ไขมันที่ฉีดไปอยู่ได้นานแค่ไหน?” วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่ายพร้อมแนะนำข้อดี ข้อควรระวัง และวิธีดูแลตัวเองหลังทำเพื่อให้ทุกคนตัดสินใจได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
ขั้นตอนการฉีดไขมันหน้าเด็ก (Micro Fat Grafting)
ขั้นตอนที่ 1 วิเคราะห์ใบหน้า
แพทย์จะประเมินโครงสร้างใบหน้าโดยละเอียดเพื่อดูว่าควรเติมไขมันบริเวณไหนให้ดูเป็นธรรมชาติและสมดุลที่สุด การวิเคราะห์นี้ต้องอาศัยทั้งความรู้ทางศัลยกรรมและศิลปะเพื่อให้เข้าใจถึงมิติของใบหน้าอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการเติมไขมันในจุดที่ช่วยปรับสมดุลเช่นขมับตอบหรือแก้มที่ดูตอบมากเกินไป แพทย์จะพิจารณาตามลักษณะใบหน้าของแต่ละบุคคล ไม่สามารถใช้เทคนิคเดียวกับทุกคนได้
ขั้นตอนที่ 2 การดูดไขมัน
แพทย์จะดูดไขมันจากบริเวณที่มีไขมันส่วนเกินเช่นต้นขาหรือหน้าท้อง โดยใช้เทคนิคที่ช่วยรักษาคุณภาพของเซลล์ไขมันให้ดีที่สุด ปริมาณไขมันที่ดูดจะตามที่แพทย์ประเมินและใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที ส่วนใหญ่คนไข้เลือกฉีดยาชาแทนการดมยาสลบ พราะเจ็บน้อยและสามารถพูดคุยกับแพทย์ระหว่างทำได้
ขั้นตอนที่ 3 การคัดแยกไขมันและสกัด Growth Factors
ไขมันที่ดูดออกมาจะถูกคัดแยกอย่างละเอียดโดยใช้อุปกรณ์เฉพาะที่ช่วยรักษาคุณภาพของเซลล์ไขมันให้มากที่สุด จากนั้นแพทย์จะนำเลือดของคนไข้มาสกัด Growth Factors เพื่อช่วยให้ไขมันติดดีขึ้นและเพิ่มอัตราการอยู่รอดของไขมันถึง 80-90% Growth Factors เปรียบเสมือนสารอาหารที่ช่วยให้เซลล์ไขมันแข็งแรงและคงอยู่ได้นานขึ้น
ขั้นตอนที่ 4 การฉีดไขมันเข้าสู่ใบหน้า
แพทย์จะฉีดไขมันเข้าไปตามจุดที่ต้องการเติมเต็มโดยใช้เทคนิค Micro Fat Grafting เพื่อให้ไขมันกระจายตัวเป็นชั้นบางๆและติดทนได้ดี ปริมาณที่ฉีดต้องคำนวณให้พอดีเพราะหากฉีดมากเกินไปอาจทำให้ใบหน้าบวมและดูผิดธรรมชาติ อีกทั้งไขมันที่ใบหน้าหากติดแล้วจะคงอยู่ได้นาน การแก้ไขไขมันส่วนเกินเป็นเรื่องยาก แพทย์จึงต้องมีความเชี่ยวชาญในการฉีดให้สมดุลและเหมาะสมกับใบหน้าของแต่ละบุคคล
บทความน่ารู้ เติมไขมันหน้า vs ฉีดฟิลเลอร์ แบบไหนเห็นผลดีกว่า แบบไหนเหมาะกับเรา
ทำไมต้องเติมไขมันหน้าเด็กที่ PMED Clinic?
เทคนิค Reju Fat ด้วย Growth Factor ช่วยให้ไขมันติดทนสูงสุด
ที่ PMED Clinic เราใช้เทคนิคที่เรียกว่า Reju Fat ซึ่งเป็นการนำ Growth Factors มาใช้ร่วมกับการฉีดไขมัน ช่วยเพิ่มอัตราการติดของไขมันได้สูงถึง 80-90% ทำให้ไขมันอยู่ได้นานและให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ Growth Factors เหล่านี้ทำหน้าที่เป็นสารอาหารให้เซลล์ไขมัน กระตุ้นการฟื้นฟูเซลล์ และช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำ เปล่งปลั่ง ไม่เพียงแค่เติมเต็ม แต่ยังช่วยให้ผิวสุขภาพดีขึ้นด้วย
แพทย์ผู้ชํานาญการด้านการเติมไขมัน มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี และทำมากกว่า 10,000 เคส
คุณหมอต้น (นพ.ปิยพล พัฒนครู) เป็นศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทางที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี และเคสการเติมไขมันมากกว่า 10,000 เคส ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าทุกเคสได้รับการดูแลอย่างมืออาชีพ เทคนิคที่คุณหมอใช้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเติมเต็มใบหน้าเท่านั้น แต่เป็นการปรับสมดุลของโครงหน้าให้ดูเป็นธรรมชาติ ศิลปะและความแม่นยำในการฉีดไขมันคือสิ่งที่ทำให้คุณหมอแตกต่าง และเป็นเหตุผลที่หลายคนไว้วางใจ
PMED เป็นหนึ่งในคลินิกแรก ๆ ที่นำเทคนิคฉีดไขมันเข้ามา และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ที่ PMED Clinic เราเป็นหนึ่งในคลินิกแรกๆในประเทศไทยที่นำเทคนิคการฉีดไขมัน (Fat Grafting) มาใช้ เราได้พัฒนาเทคนิคให้ดียิ่งขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมาและได้คิดค้นและปรับปรุงเทคนิค Reju Fat เพื่อให้ไขมันติดทนขึ้นและทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเราจึงเป็นหนึ่งในคลินิกที่ได้รับความไว้วางใจสูงสุดในด้านนี้
แผลเล็ก เจ็บน้อย พักฟื้นไว เห็นผลลัพธ์เร็ว
การดูดไขมันและฉีดไขมันที่ PMED Clinic ใช้เทคนิคเฉพาะที่ช่วยลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อทำให้แผลเล็กมาก เจ็บน้อย และพักฟื้นเร็ว คนไข้ส่วนใหญ่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังทำเพียงไม่กี่วัน การดูแลตัวเองหลังฉีดก็ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่หลีกเลี่ยงการกดทับใบหน้าและดูแลสุขภาพโดยรวมเพื่อให้ไขมันติดดีที่สุด ผลลัพธ์ที่ได้คือใบหน้าที่ดูอิ่มฟูขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน
ผลลัพธ์ติดทนนาน 3-5 ปี หรือมากกว่านั้น
ไขมันที่ฉีดเข้าไปสามารถอาจอยู่ถึง 3-5 ปี หรือถาวรในบางส่วน หากดูแลตัวเองดีเทคนิค Reju Fat ที่ PMED Clinic ช่วยเพิ่มอัตราการรอดของเซลล์ไขมัน ลดการสลายตัว และช่วยให้ไขมันสามารถอยู่ได้นานขึ้น ต่างจากการฉีดไขมันแบบทั่วไปที่อาจสลายเร็ว เมื่อไขมันติดดีแล้วใบหน้าจะดูอ่อนเยาว์ไปอีกหลายปีโดยไม่ต้องเติมไขมันใหม่บ่อยๆ
เติมไขมันบริเวณไหนได้บ้าง
ฉีดไขมันหน้าผาก : เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาหน้าผากแบน หน้าผากตัด ทำให้ใบหน้าดูแข็งสามารถฉีดไขมันหน้าผากเพื่อปรับรูปหน้าให้หน้าผากโหนกนูนมากขึ้น เพิ่มมิติให้ใบหน้าทำให้โค้งมนของใบหน้าชัดขึ้น ปรับโหงวเฮ้งให้ดีขึ้นรับทรัพทย์ นอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยลึกริ้วรอยถาวรบริเวณหน้าผากได้อีกด้วย
ฉีดไขมันขมับ : เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาขมับบุ๋มขมับยุบ ขมับตอบ ทำให้โหนกแก้มดูเด่นรูปหน้าไม่หวานการฉีดไขมันขมับจะช่วยปรับรูปหน้าให้มีความเรียบเนียนมากขึ้นเมื่อขมับเต็มจะทำให้ใบหน้าหวานขึ้นลดความเด่นของโหนกแก้มได้
ฉีดไขมันใต้ตา : เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาร่องใต้ตาลึกใต้ตาคล้ำ มีริ้วรอยเล็กๆใต้ตา ทำให้ใบหน้าดูโทรมและมีอายุแต่งหน้ายาก แป้งตกร่องการฉีดไขมันใต้ตาจะช่วยทำให้ร่องใต้ตาตื้นขึ้น เต็มขึ้นและช่วยปรับสีผิวใต้ตาที่คล้ำให้ดูดีขึ้นหลังฉีดไขมันใต้ตาใบหน้าจะดูสดใส อ่อนเยาว์
ฉีดไขมันร่องแก้ม : เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาร่องลึกตามแนวปีกจมูกถึงมุมปาก มักจะพบในคนที่มีอายุมาก แสดงสีหน้าบ่อยทำให้เกิดเป็นร่องแก้มแบบถาวร (บางคนเรียกว่าร่องน้ำหมาก) ทำให้ใบหน้าดูมีอายุ แก้ไขได้ด้วยการฉีดไขมันเติมเต็มร่องแก้ม ให้ดูเด็กลงได้
ฉีดไขมันแก้มตอบ : ปัญหาแก้มตอบ เป็นสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยและดูโทรม การฉีดไขมันตรงบริเวณที่มีปัญหาแก้มตอบจะช่วยปรับรูปหน้าให้ smooth ขึ้น อย่างเป็นธรรมชาติใบหน้าดูเด็กและอิ่มฟูมากขึ้น
ฉีดไขมันเปลือกตา : เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาเบ้าตาที่ลึกจนทำให้ดูโทรมหรือแก่ก็สามารถเติมเต็มให้ดูเปลือกตาสดใสหน้าดูเด็กลงได้
เติมไขมันหน้าเด็ก เหมาะกับใคร?
เติมไขมันหน้าเด็ก เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่ใบหน้าดูตอบ มีขมับลึก หรือแก้มแบน ทำให้ดูโทรมและแก่กว่าวัย
เมื่ออายุมากขึ้นไขมันใต้ผิวจะลดลงทำให้บางจุดของใบหน้าดูตอบ ขมับลึก หรือแก้มแฟบ ส่งผลให้ดูมีอายุและใบหน้าแข็ง เติมไขมันสามารถช่วยคืนความอิ่มฟู ทำให้ใบหน้าดูสดใสและมีมิติมากขึ้น - ผู้ที่มีปัญหาร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และใต้ตาลึก
ร่องลึกเหล่านี้เกิดจากการสูญเสียไขมันและคอลลาเจนในชั้นผิว ส่งผลให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและโทรม การเติมไขมันช่วยเติมเต็มร่องลึกให้ดูเรียบเนียน ลดความหมองคล้ำ และทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย - ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูสุขภาพดีและเปล่งปลั่งจากภายใน
ไขมันที่ฉีดเข้าไปมี Growth Factors ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ เพิ่มความยืดหยุ่น และช่วยให้ผิวหน้าดูกระชับและอิ่มน้ำขึ้น ต่างจากสารเติมต่างๆที่เติมเต็มเพียงชั้นเดียวไขมันจะช่วยบำรุงผิวในระยะยาวกว่า - ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้สมดุลและละมุนขึ้น
บางคนมีโครงหน้าที่ดูแข็งเกินไปเช่นโหนกแก้มสูง กรามเด่น หรือขาดความสมดุลของใบหน้า การเติมไขมันช่วยให้รูปหน้าดูอ่อนโยนขึ้น เติมเต็มส่วนที่ขาดหายเพื่อให้ใบหน้าดูสมส่วนและเป็นธรรมชาติมากขึ้น - ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ติดทนนานและไม่ต้องเติมบ่อยๆ
ต่างจากสารเติมต่างๆที่ต้องฉีดซ้ำทุกปี ไขมันที่ติดดีและนาน หรือบางส่วนอาจคงอยู่ถาวร เทคนิค Reju Fat ที่ PMED Clinic ช่วยเพิ่มอัตราการติดของไขมันสูงถึง 80-90% ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและยาวนานกว่าวิธีอื่นๆ
ข้อดีของการฉีดไขมันหน้าเด็ก
- ใช้ไขมันของตัวเอง ไม่มีสารแปลกปลอม
การฉีดไขมันใช้เซลล์ไขมันจากร่างกายของตัวเองจึงไม่มีความเสี่ยงต่ออาการแพ้หรือการต่อต้านจากร่างกาย ต่างจากสารเติมต่างๆที่เป็นสารสังเคราะห์ที่มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงหรือร่างกายดูดซึมเร็วกว่า - ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและติดทนนาน
ไขมันที่ฉีดเข้าไปจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของใบหน้า โดยเฉพาะเมื่อใช้เทคนิคที่ช่วยเพิ่มอัตราการติดของไขมันอย่างReju Fat - ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น
ไขมันที่ฉีดไม่ได้เพียงแค่เติมเต็มแต่ยังมี Growth Factors ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและซ่อมแซมผิวจากภายใน ส่งผลให้ผิวดูเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล และลดริ้วรอยเล็กๆได้ - สามารถเติมเต็มได้หลายจุดพร้อมกัน
การฉีดไขมันสามารถใช้เติมเต็มได้ทั้งขมับ แก้มตอบ ใต้ตา หน้าผาก คาง ร่องแก้ม และกรอบหน้า ซึ่งช่วยให้ใบหน้าดูสมดุลและมีมิติมากขึ้น แตกต่างจากสารเติมต่างๆที่อาจต้องใช้หลายซีซีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกัน - ไม่มีสารตกค้าง และสามารถเติมไขมันซ้ำได้หากต้องการ
เนื่องจากเป็นไขมันของตัวเองร่างกายสามารถดูดซึมและปรับตัวเข้ากับเซลล์ไขมันใหม่ได้ หากต้องการเติมเพิ่มก็สามารถทำได้โดยไม่มีผลข้างเคียงจากสารแปลกปลอม
ข้อเสียของการฉีดไขมันหน้าเด็ก
- ต้องผ่านกระบวนการดูดไขมันจากร่างกายก่อน
สารเติมต่างๆสามารถฉีดเข้าไปได้เลย การฉีดไขมันต้องใช้ไขมันจากร่างกายของตัวเองจึงต้องมีการดูดไขมันจากจุดอื่นเช่นหน้าท้องหรือต้นขา ซึ่งอาจมีรอยบวมช้ำในบริเวณที่ดูดไขมันออกม - ไขมันบางส่วนอาจสลายไปในช่วงแรกหลังฉีด
หลังฉีดไขมันเข้าไปบางส่วนอาจถูกดูดซึมหรือสลายไปตามธรรมชาติ ทำให้ต้องฉีดเผื่อไว้เล็กน้อยและอาจต้องเติมเพิ่มในบางกรณีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ที่สุด เทคนิค Growth Factors หรือ Reju Fat สามารถช่วยเพิ่มอัตราการติดของไขมันได้แต่ไม่สามารถป้องกันการสลายตัวได้ 100% - ต้องใช้ความเชี่ยวชาญของแพทย์สูง
การฉีดไขมันต้องใช้เทคนิคที่แม่นยำ แพทย์ต้องเข้าใจโครงสร้างใบหน้าอย่างลึกซึ้งและรู้ว่าแต่ละจุดควรเติมไขมันมากน้อยแค่ไหน หากฉีดมากเกินไปอาจทำให้ใบหน้าดูบวมหรือผิดสัดส่วน หากฉีดผิดตำแหน่งอาจส่งผลต่อโครงหน้าหรือทำให้ไขมันจับตัวเป็นก้อนได้ - ใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าสารเติมต่างๆเล็กน้อย
หลังฉีดไขมันอาจมีอาการบวมช้ำประมาณ 5-7 วันซึ่งเป็นเรื่องปกติต่างจากสารเติมต่างๆที่แทบไม่ต้องพักฟื้นเลย แม้ว่าการฉีดไขมันจะไม่ต้องพักฟื้นนานมากแต่ต้องหลีกเลี่ยงการกดทับใบหน้าและดูแลตัวเองอย่างดีเพื่อให้ไขมันติดดีที่สุด - ไม่เหมาะสำหรับคนที่มีไขมันในร่างกายน้อยมาก
คนที่มีรูปร่างผอมมากหรือมีไขมันน้อยอาจไม่สามารถดูดไขมันได้เพียงพอสำหรับการฉีดหน้า บางคนอาจต้องเพิ่มน้ำหนักเล็กน้อยก่อนทำหัตถการเพื่อให้ได้ปริมาณไขมันที่เหมาะสมสำหรับการเติมเต็มใบหน้า
การเตรียมตัวก่อนฉีดไขมันหน้าเด็ก
ปรึกษาแพทย์และประเมินใบหน้า
ก่อนทำการฉีดไขมันควรเข้าพบแพทย์เพื่อประเมินสภาพใบหน้าและจุดที่ต้องการเติมเต็ม แพทย์จะช่วยแนะนำว่าควรเติมไขมันบริเวณไหนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติที่สุด นอกจากนี้ยังต้องตรวจสอบสุขภาพโดยรวมเช่นประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว หรือการใช้ยาบางชนิดที่อาจส่งผลต่อกระบวนการรักษา
งดยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด
ผู้ที่ใช้ยาแอสไพริน, ไอบูโพรเฟน, วิตามินอี, น้ำมันปลา หรืออาหารเสริมบางชนิด ควรงดก่อนทำหัตถการอย่างน้อย 7-10 วัน เพื่อลดความเสี่ยงของอาการฟกช้ำและเลือดออกง่าย ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดยาเพื่อความปลอดภัย
ดูแลร่างกายให้แข็งแรงและเตรียมไขมันให้เพียงพอ
เนื่องจากไขมันที่นำมาใช้เป็นของตัวเองควรดื่มน้ำให้เพียงพอ พักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและไขมันมีคุณภาพดี หากเป็นคนที่มีไขมันน้อยควรปรึกษาแพทย์ว่าจำเป็นต้องเพิ่มน้ำหนักเล็กน้อยก่อนทำหรือไม่
งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่
ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนทำเพราะสารในบุหรี่และแอลกอฮอล์อาจลดประสิทธิภาพของเซลล์ไขมันและทำให้การติดของไขมันลดลง
เตรียมเสื้อผ้าที่สบายและวางแผนการพักฟื้น
ในวันที่ทำหัตถการควรสวมใส่เสื้อผ้าที่สบายและง่ายต่อการเปลี่ยน เพราะจะต้องมีการดูดไขมันจากต้นขาหรือหน้าท้อง นอกจากนี้ควรวางแผนวันหยุดหรือเลี่ยงกิจกรรมหนักๆอย่างน้อย 3-7 วันเพื่อให้ร่างกายได้พักฟื้นอย่างเต็มที่
การดูแลตัวเองหลังฉีดไขมันหน้าเด็ก
ขั้นตอนที่ 1: หลีกเลี่ยงการกดทับบริเวณใบหน้า
หลังฉีดไขมันควรหลีกเลี่ยงการกดทับใบหน้า การนอนคว่ำ หรือการใช้มือจับและนวดบริเวณที่ฉีดไขมัน อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ เพราะแรงกดอาจทำให้ไขมันกระจายตัวไม่สม่ำเสมอหรือทำให้ไขมันที่ฉีดเข้าไปไม่ติด
ขั้นตอนที่ 2: งดออกกำลังกายหนักและกิจกรรมที่มีแรงกระแทก
2-4 สัปดาห์แรกควรงดออกกำลังกายที่หนักหรือมีกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก เพราะอาจส่งผลต่อการติดของไขมันและทำให้ไขมันสลายตัวเร็วขึ้น หากต้องการออกกำลังกายควรเลือกการเดินเบาๆหรือโยคะที่ไม่มีแรงกระแทก
ขั้นตอนที่ 3: ดูแลแผลจากการดูดไขมันให้สะอาด
แผลจากการดูดไขมันมักมีขนาดเล็กแต่จำเป็นต้องรักษาความสะอาดและเปลี่ยนผ้าปิดแผลตามคำแนะนำของแพทย์ ห้ามแกะหรือเกาบริเวณแผลและหลีกเลี่ยงน้ำในช่วงแรกเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
ขั้นตอนที่ 4: ดื่มน้ำให้เพียงพอและรับประทานอาหารที่ช่วยให้ไขมันติด
ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 2-3 ลิตรต่อวันและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะโปรตีนสูง ไขมันดี และวิตามินเช่น ปลา อะโวคาโด ไข่ ถั่ว และผักผลไม้สด หลีกเลี่ยงอาหารมันเลี่ยนหรือแอลกอฮอล์ เพราะอาจส่งผลต่อการติดของไขมัน
ขั้นตอนที่ 5: เข้าพบแพทย์เพื่อติดตามผล
หลังฉีดไขมันควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คผลลัพธ์และดูว่าต้องเติมไขมันเพิ่มเติมหรือไม่ ในช่วง 1-3 เดือนแรก ไขมันจะมีการปรับตัวและบางส่วนอาจสลายไป หากต้องการเติมเพิ่มแพทย์จะแนะนำช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ฉีดไขมันหน้าเด็กที่ไหนดี?
การฉีดไขมันหน้าเด็กเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยทั้ง เทคนิคทางการแพทย์และศิลปะในการออกแบบใบหน้า ดังนั้นการเลือกคลินิกที่มีความเชี่ยวชาญและใช้เทคนิคที่เหมาะสมจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัย แล้วเราควรเลือกฉีดไขมันที่ไหนดี? ลองพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้
1. แพทย์ต้องมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญสูง
- ศัลยแพทย์ควรมีประสบการณ์เฉพาะทางด้านการเติมไขมันและเคสการฉีดไขมันจำนวนมาก
- ควรเลือกแพทย์ที่มีความเข้าใจเรื่องโครงสร้างใบหน้า สามารถออกแบบการเติมไขมันให้ดูสมดุลและเป็นธรรมชาติ
2. คลินิกต้องมีเทคนิคที่ช่วยให้ไขมันติดทนนาน
- เทคนิคการฉีดไขมันมีผลโดยตรงต่ออัตราการติดของไขมันและความเป็นธรรมชาติของผลลัพธ์
- ควรเลือกคลินิกที่ใช้เทคนิคที่ช่วยเพิ่มอัตราการติดของไขมันสูงถึง 80-90% โดยการใช้ Growth Factors ในการกระตุ้นเซลล์ไขมันให้แข็งแรงและอยู่ได้นานขึ้น
3. ใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ได้มาตรฐาน
- คลินิกต้องมีเครื่องมือที่ทันสมัย และอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานสากลเช่น เครื่องดูดไขมันที่ช่วยรักษาคุณภาพของเซลล์ไขมันและเครื่องปั่นแยกไขมันที่ช่วยคัดกรองไขมันที่แข็งแรงที่สุด
- ควรเลือกคลินิกที่มีห้องผ่าตัดปลอดเชื้อและปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยทางการแพทย์
4. รีวิวจากเคสจริง และผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจน
- ควรดูรีวิวจากเคสจริงของคลินิกเช่นรูปก่อน-หลังหรือวิดีโอรีวิวจากคนไข้ที่เคยฉีดไขมันที่นั่น
- เลือกคลินิกที่มีผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน หรือบวมผิดปกติและมีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงที่ให้ฟีดแบคในเชิงบวก
5. คลินิกต้องได้รับมาตรฐานและมีความปลอดภัยสูง
- ควรเลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตประกอบกิจการจากกระทรวงสาธารณสุข
- มีมาตรการปลอดเชื้อและใช้เครื่องมือที่ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างถูกต้อง
- ควรเลือกคลินิกที่มีทีมแพทย์และพยาบาลดูแลหลังทำ เพื่อติดตามผลและให้คำแนะนำหลังฉีดไขมัน
บทความน่ารู้ ปลูกผม ทางออกสำหรับผู้ศรีษะล้าน มีแบบไหนบ้าง ราคาเท่าไหร่
ฉีดไขมันหน้าบวมกี่วัน?
การฉีดไขมันหน้าเด็ก (Micro Fat Grafting) เป็นหัตถการที่มีอาการบวมเป็นปกติในช่วงแรก เนื่องจากเป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับทั้งการดูดไขมันและการฉีดกลับเข้าสู่ใบหน้า อาการบวมจะค่อยๆลดลงตามลำดับ ไขมันจะเข้าที่ภายใน 3-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองและปัจจัยทางร่างกายของแต่ละคน
0-3 ชั่วโมงหลังฉีด (ช่วงพักฟื้นแรก)
- หลังฉีดเสร็จทันทีใบหน้าจะมีอาการบวมและตึงเล็กน้อย ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติของร่างกายต่อการฉีดไขมัน
- บริเวณที่ดูดไขมันเช่นต้นขาหรือหน้าท้อง อาจรู้สึกปวดตึงแต่ไม่รุนแรง
- แพทย์จะแนะนำให้ประคบเย็นเบาๆบริเวณใบหน้าเพื่อลดอาการบวมในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
วันที่ 1-3 (ช่วงบวมสูงสุด)
- อาการบวมจะเพิ่มขึ้นในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกเป็นช่วงที่ใบหน้าจะบวมมากที่สุด เนื่องจากร่างกายยังอยู่ในกระบวนการปรับตัว
- ใบหน้าอาจดูใหญ่กว่าปกติเพราะมีทั้งอาการบวมและไขมันที่ฉีดเข้าไป
- อาจมีรอยฟกช้ำเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด โดยเฉพาะรอบใต้ตาและแก้ม (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
- ควรหลีกเลี่ยงการกดทับใบหน้า นอนหมอนสูง และดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยลดอาการบวม
วันที่ 4-7 (อาการบวมลดลง 50%)
- อาการบวมเริ่มลดลงประมาณ 40-50% ใบหน้าเริ่มเข้ารูปมากขึ้น
- รอยฟกช้ำบางจุดเริ่มจางลงโดยเฉพาะบริเวณใต้ตาและขมับ
- ยังควร งดการนวดหน้า การกดทับ และงดออกกำลังกายหนักเพื่อป้องกันการสลายของไขมันที่ยังไม่ติด
สัปดาห์ที่ 2 (บวมลดลง 70-80%)
- อาการบวมลดลงอย่างชัดเจน ใบหน้าจะเริ่มดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
- บางจุดอาจยังมีอาการบวมอยู่เล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นอาการบวมข้างในที่ไม่เห็นชัดจากภายนอก
- สามารถกลับมาแต่งหน้าและใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่ยังควรเลี่ยงการกดหรือถูใบหน้าแรงๆ
สัปดาห์ที่ 3-4 (ใบหน้าเข้าที่ 90%)
- ไขมันที่เหลืออยู่เริ่มเซ็ตตัวและติดกับเนื้อเยื่อใบหน้า ทำให้รูปหน้าเข้าที่มากขึ้น
- อาการบวมเหลือเพียงเล็กน้อย และแทบไม่สังเกตเห็น
- ผิวดูอิ่มฟูและเรียบเนียนขึ้น เพราะไขมันที่ฉีดช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว
เดือนที่ 2-3 (ไขมันเข้าที่เต็มที่)
- ไขมันที่เหลืออยู่จะเป็นไขมันที่ติดถาวรและให้ผลลัพธ์ระยะยาว
- รูปหน้าจะดูละมุนขึ้น และดูเป็นธรรมชาติ 100%
- สามารถเห็นผลลัพธ์ที่แท้จริงของการฉีดไขมันที่สมบูรณ์ที่สุดในช่วง 3 เดือนขึ้นไป
รีวิวการฉีดไขมันหน้าเด็กที่ PMED
