ดูดไขมัน

LIPOSUCTION

การดูดไขมัน (Liposuction) คือการศัลยกรรมความงามที่ใช้เทคนิคในการดูดไขมันส่วนเกินในชั้นใต้ผิวหนังออกจากอวัยวะส่วนต่างๆ ซึ่งเป็นจุดที่ลดไขมันยากแม้ว่าจะควบคุมอาหารและออกกำลังกายแล้ว เครื่องมือที่ Pmed Clinic ใช้ในการดูดไขมันเรียกว่าเวเซอร์ VASER (Vibration Amplification of Sound Energy at Resonance) เป็นการใช้เทคโนโลยีอัลตราซาวด์ที่จะสร้างคลื่นเสียงไปสลายไขมัน ที่ต้องการกำจัดออกอย่างเฉพาะเจาะจง

ข้อดีของการดูดไขมันที่พีเมด

1. ศัลยแพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ในดูดไขมันพร้อมปรับทรงให้สวยพร้อมกัน เช่น ปั้นหุ่น S-Curve, ปรับขาให้เป็นทรงสวยบาลานซ์กัน

2.ใช้เครื่อง Premium Vaser คุณภาพสูง ให้ประสิทธิภาพสูงกว่าการดูดไขมันทั่วไป ดูดได้เยอะกว่า แต่ใช้เวลาทำน้อยกว่า ทำให้บวมช้ำน้อย

3.ฟื้นตัวเร็ว 2 วันก็ทำงานได้ปกติ เหมาะกับคนวัยทำงาน และนักศึกษา

4.แผลเล็ก เจ็บน้อย ช้ำน้อย

5.ไม่เป็นคลื่นหลังดูด เนื่องจากศัลยแพทย์มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง (ถ้าดูดตื้นเกินจะเป็นคลื่น)

6.คุณภาพเกินราคา เป็นราคาที่เข้าถึงได้ แต่คุณภาพระดับพรีเมี่ยม

7.เครื่อง Vaser พรีเมี่ยมที่พีเมดใช้จะสลายไขมันได้ตรงจุดกว่าเครื่องทั่วไป เพราะส่วนใหญ่ที่ดูดออกมานั้นจะเป็นไขมันล้วนๆ มีเลือดเจือปนน้อยมาก ทำให้การเสียเลือดของคนไข้ก็น้อย อาการบวมช้ำหรือระบมก็จะน้อย

Doctor’s Message

เลกเชอร์การดูดไขมันกับคุณหมอต้น การดูดไขมันจะได้ผลเพียงไรขึ้นอยู่กับ 3 ส่วน คือ กล้ามเนื้อ กระดูก และไขมันว่ามีมากน้อยเพียงใด ถ้าหากคุณมีรูปร่างโอเค กระดูกไม่ใหญ่ กล้ามเนื้อไม่หนามาก การดูดไขมันจะให้ผลลัพธ์ที่เด่นชัด แต่ถ้าสัดส่วนหนาขึ้นเพราะกล้ามเนื้อ หรือเป็นคนกระดูกใหญ่ มีไขมันน้อย การดูดไขมันอาจไม่ทำให้สัดส่วนลดลงเท่าที่ควร นี่เป็นสิ่งสำคัญมากที่คนไข้ต้องทำความเข้าใจ

ที่สำคัญอีกอย่างคือ การดูดไขมันไม่ได้ทำให้ผอมลง เพราะไขมันส่วนใหญ่อยู่ในช่องท้องซึ่งไม่สามารถดูดออกมาได้ และไขมันก็เบากว่าน้ำ เวลาดูดไขมันน้ำจะออกมาด้วย ดังนั้นการดูดไขมัน 1 ลิตรจึงไม่ใช่ไขมันล้วนๆ ทั้ง 1 ลิตร

สำคัญไปกว่านั้น การดูดไขมันที่ดีไม่ใช่การดูดให้เยอะเข้าว่า เพราะปริมาณไขมันที่ดูดได้มีจำกัด ตามตำราคือดูดได้เพียง 70% โดยต้องเหลือส่วนบน 20% ส่วนล่าง 10% และดูดเฉพาะตรงกลางเท่านั้น ซึ่งการวางตำแหน่งเข็มดูดขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแพทย์เป็นสำคัญ นอกจากนี้ การสะสมของไขมันในแต่ละส่วนของร่างกายจะไม่เหมือนกัน เช่นบริเวณหลังจะมีไขมันน้อย เส้นเลือดมาก ดังนั้นบางบริเวณจึงทำยากกว่าและต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าปกติ

การดูดไขมันจึงไม่ใช่การดูดให้เยอะ แต่คือการดูดให้สวย แพทย์ต้องเข้าใจเรื่องความสวยงาม เข้าใจสรีระของร่างกายอย่างดี เช่น ส่วนไหนที่ต้องเว้าก็ต้องดูดมากหน่อย ส่วนไหนที่ต้องโค้งนูนก็ไม่ต้องยุ่งกับมัน เป็นต้น ทั้งหมดเป็นเรื่องศาสตร์และศิลป์ประกอบกัน ซึ่งแพทย์ต้องเข้าใจและมีประสบการณ์พอตัวจึงจะสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีได้ นพ.ปิยพล พัฒนครู

แบบยอดนิยม

ภาพก่อน – หลัง

ดูดไขมันด้วยเครื่อง ultra z

ไขมันจะออกเยอะกว่า เลือดออกน้อยกว่า จึงระบมน้อยกว่า

ข้อดีของการดูดไขมัAVนที่พีเมด

3 STEP ขั้นตอน การดูดไขมันมี 3 ขั้นหลักๆ คือ

แพทย์จะเติม สารละลาย Tumescence หรือสารละลายน้ำเกลือเข้าไปในบริเวณที่ต้องการกำจัดไขมัน เพื่อช่วยให้เกิดอาการชา และทำให้หลอดเลือดบริเวณนั้นหดตัว ซึ่งช่วยให้เกิดการสูญเสียเลือดน้อยที่สุด และลดการเกิดรอยช้ำ

ใช้เครื่อง VASER ปล่อยพลังงานคลื่นเสียงอัลตราโซนิก (ซึ่งเป็นพลังงานคลื่นเสียงที่มีความถี่เดียวกับเครื่องรักษาต้อกระจกดวงตา) เข้าไปยังบริเวณเนื้อเยื่อเพื่อสลายไขมัน

ไขมันที่ถูกสลายเป็นของเหลวทั้งหมดจะถูกดูดออกอย่างนุ่มนวลโดยเนื้อเยื่อบริเวณรอบๆ เกิดความเสียหายน้อยที่สุด

การเตรียมตัวก่อนดูดไขมัน

ไทม์ไลน์การผ่าตัดและการพักฟื้น

ผ่าตัด
2-3 ช.ม.
พันผ้าหรือผ้ายืดแบบรัดพิเศษเฉพาะส่วน
24 ช.ม. แรก
เปลี่ยนผ้าก๊อตวันละ 1 ครั้ง
1-3 วันแรก
หยุดงาน
2-4 วัน
พันผ้าเฉพาะตอนกลางวัน
4-5 อาทิตย์
อาการเขียว ช้ำ บวมจะหายไปหมดภายใน
1-6 เดือน

การปฏิบัติตน หลังการทำ Ultrasound-assisted Liposuction System

1.ต้องพันผ้าหรือผ้ายืดแบบรัดพิเศษเฉพาะส่วน (Compression garment ) ตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงสัปดาห์แรกหลังทำและให้ใส่ต่อประมาณ 4-5 อาทิตย์เฉพาะตอนกลางวัน หรือจะใช้ถุงน่องสเตย์เนื้อหนาพันแทนก็ได้ สำคัญคือต้องพันให้กระชับพอดี ถ้าแน่นเกินไปจะทำให้บวม ถ้าหลวมเกินไปจะทำให้เลือดคั่ง

2.ช่วง 1-3 วันแรก แผลผ่าตัดจะมีน้ำเกลือซึมออกมามาก ควรเปลี่ยนผ้าก๊อตปิดแผลอย่างน้อย 1 ครั้ง

3.ในช่วงสัปดาห์ที่ 2- 3 อาจใส่ผ้ายืดแบบรัดพิเศษ ( Compression garment ) เฉพาะเวลากลางวันโดยสามารถถอดออกได้เวลานอน

4.อาการ บวม รอยเขียวช้ำ อาการเจ็บ ชา หรือรู้สึกแสบร้อนอาจเกิดขึ้นได้ แต่เป็นเพียงชั่วคราวในช่วงแรกหลังการผ่าตัดเท่านั้น ซึ่งสามารถกลับไปทำงานได้ภายใน 5 – 7 วัน ขับรถได้ทันทีที่หยุดทานยาแก้ปวดแล้ว

5.หลังจาก 1 – 6 เดือนไปแล้ว อาการบวม เขียว ช้ำ ทั้งหมดจะหายไป หรือเร็วช้าขึ้นกับปริมาณไขมันและบริเวณของร่างกายที่ทำการดูดไขมัน

6.พักการทำงานหรือการออกกำลังกายอย่างหนัก ควรทำหลังผ่าตัดแล้วอย่างน้อย 2 ถึง 4 สัปดาห์

Doctor’s Message

ทำไมดูดไขมันแล้ว จึงไปบวมที่อื่นแทน “หลายคนเมื่อดูดไขมันเสร็จอาจจะไปกินฉลองทำให้น้ำหนักขึ้น ซึ่งน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมานั้นจะไปพอกในบริเวณที่ไม่ได้ดูดไขมัน เพราะบริเวณที่ดูดไขมันไปแล้วแปลว่าไขมันบริเวณนั้นลดจำนวนลง โดยปกติ ตั้งแต่อายุ 20 ปีเป็นไป ไขมันของคนเราจะไม่แบ่งตัวอีก แต่จะมีขนาดใหญ่ขึ้นได้เป็น 10 หรือ 100 เท่า เมื่อไขมันลดลงอวัยวะส่วนนั้นจึงอ้วนขึ้นได้ไม่มาก แต่จะไปพอกในส่วนอื่นแทนนั่นเอง เพราะฉะนั้นหลังดูดไขมันแล้วจึงต้องควบคุมอาหารต่อไป จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง” นพ.ปิยพล พัฒนครู

ปัจจุบันมีคลินิกดูดไขมันจำนวนมากที่ใช้การตลาดนำหน้าโดยละเลยเรื่องความปลอดภัย ผู้สนใจเข้ารับบริการจึงต้องหาข้อมูลให้รอบด้าน และระวังโฆษณาต่อไปนี้